สรุปว่าอยากได้ยินเพราะอยากได้รับโอกาสหรืออยากใกล้ผู้ชาย
คงจะทั้ง 2 อย่างเลย
เป็นยังไงต่อหลังจากนั้น
ขยันมากเรียกว่าบ้าอ่านหนังสือมากๆ แบบว่าไม่ได้เล่นกับหรืออยู่กับเพื่อนหลังเลิกเรียนเลย เพราะต้องรีบกลับมาบ้านเพื่ออ่านหนังสือและติวข้อสอบเพื่อทำคะแนนให้ดี เตรียมตัวไปสอบหลังจากจบ ม.3 จากโรงเรียน บอกเพื่อนสนิทด้วยว่าเรารู้สึกว่าเราจะได้ยินเสียงเป็นครั้งแรกในชีวิต ซึ่งเพื่อนก็ดีใจด้วยที่เราจะได้ยินเสียงและขอให้สอบติดเพื่อให้มีอนาคตที่ดี
ซึ่งทำให้มีกำลังมากขึ้นที่จะสอบให้ติดและขอให้ประสาทเทียมใช้ได้ผล ระหว่างที่กำลังเดินกลับบ้านเพื่อรีบกลับไปอ่านหนังสืออยู่ดี ๆก็มีบอลลอยเข้ามาแต่คราวนี้เหมือนมันรู้หลบได้เว้ย จากนั้นเหมือนเดิมเลยเด็กผู้ชายคนนั้นก็วิ่งมาเก็บบอล แต่ว่าคราวนี้มันแปลกไปตรงที่เขาเดินมาไม่พูดอะไร เหมือนว่าตั้งใจเตะมาเพราะเขาเดินยิ้มเข้ามาหาเลย แล้วที่ทำให้ตกใจมาก ๆ คือ เขาสวัสดี
ตกใจอะไรแค่สวัสดี
ตรงใจตรงที่เข้าใช้ภาษามือกับนี่แหละ
จริงหรอ
ใช่นั่นแหละคือตอนนั้นทำตัวไม่ถูกเลย ว่าจะพูดอะไรกับเขาต่อ ระหว่างที่กำลังยืนงง เขาก็หยิบสมุดมาเขียนอะไรบางงอย่าง แล้วเขาก็พลิกให้อ่าน
เขียนว่าอะไร
เขาบอกว่าตอนนี้พูดได้ไม่กี่คำหรอกนะ แต่เธอคงน่าจะพอเข้าใจภาษาเขียน เรารู้ว่าเธอพิการทางการได้ยิน เพราะตั้งแต่ที่เราเตะบอลอัดเธอ เราก็ถามทุกคนว่าเธอเป็นใคร เธอชื่ออะไร แล้วเธอเรียนที่ไหน เราอยากรู้จักเธอมาก แต่เพราะเราไม่มีเวลาว่างมานั่งรอเธอที่สนามบอลนี้ทุกวัน เราเลยไม่มีโอกาสได้เจอเธอตั้งแต่ตอนนั้นอีกเลย
จากนั้นเขาก็วางสมุดลงและทำภาษามือว่า ขอโทษ จากนั้นเขาก็ให้จดไอดีไลน์ ใส่กระดาษอีกแผ่นมาตอนนั้นก็กำลังตกใจก็เลยทำตัวไม่ถูก ก็เลยรับมาไว้ก่อน ซึ่งตกใจจริงไม่ได้ใช้ภาษามือกับเขาเลย เพราะกลัวว่าเขาจะไม่เข้าใจ รีบกลับบ้านด้วยความงง ๆ แต่พอตั้งสติได้ก็ดีใจนะที่เขาไม่รังเกียจหรือมองว่าเป็นตัวประหลาด แล้วก็พยายามคุยด้วยอีก
ดีใจเขาคุยด้วย
รู้สึกดีมาก ๆ เลย คือเหมือนตัวเองไม่ได้พิการเลย พอได้พิมพ์คุยกันทุกวันมันยิ่งเหมือนว่าตัวเอง ปกติไม่ได้แปลกแยกไปจากสังคมเลย ที่จริงอาจเป็นเพราะการแสดงออกของเขาที่ทำให้รู้ว่าตัวเองไม่ได้แปลกไปด้วยแหละที่ทำให้รู้สึกดีมาก ๆ แล้วมันก็ยิ่งเป็นแรงขับให้อยากจะทำอะไรให้สำเร็จ นั่นก็คือการได้ใช้ชีวิตในสังคมปกติกับเขา