ดื้อ : ก.ไกรศิรกานท์

นิยายสั้นแนวชีวิต ดราม่า (Drama) นิยายสั้นแนวตลกขบขัน (Comedy)

โดย : ก.ไกรศิรกานท์
ลิขสิทธิ์ : Magic Time Media & เติมฝัน (termfun.com)

[๑]

แม่นอนซมมาสามวันแล้ว จนเธอนึกเบื่อและเอือมระอาเต็มทีกับอาการ “ดื้อยา” ของแม่ เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่จะพยายามดื้อรั้นเก็บ “รักษา” โรคเอาไว้กับตัวทำไม ในเมื่อก็ไม่เห็นจะเป็นดอกเป็นผลกับใครในบ้านเลยสักคน จะมีก็แต่คนบ่นให้รำคาญหู

[คำว่า “ยา” ในภาษาไทยถิ่นเหนือ ถ้าใช้เป็นคำกริยาจะมีความหมายว่า “รักษา” ดังนั้นคำว่า “ดื้อยา” ในที่นี้จึงมีความหมายว่า การดื้อดึงไม่ยอมให้รักษาอาการนั่นเอง]

เจ้าฟลุ๊ค กับ เจ้าแฟรงค์ — ลูกชายตัวดีทั้งสองคนของเธอก็มักจะถือเอาอาการดื้อยาของยายเป็นข้ออ้างที่จะไม่กลับบ้านหรือกลับบ้านช้าเสมอ จะมีก็แต่สามีของเธอกระมัง ที่ดูจะไม่รู้ร้อนรู้หนาวเอาเสียเลยกับอาการ “ดื้อยา” ของแม่ยาย

“แหม … คุณก็ คุณแม่ท่านอายุมากแล้วนะ ก็ต้องมีเจ็บออด ๆ แอด ๆ บ้างเป็นธรรมดา”

เธอแอบสังเกตเห็นว่าเขามักจะระบายยิ้มออกมาด้วยเสมอเมื่อพูดประโยคนี้ซ้ำ ๆ

แฟรงค์ โตเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้วในปีนี้ ขนคิ้วที่ดกดำราวกับมีมือที่มองไม่เห็นแอบนำเอาปีกกามาวางพาดไว้เหนือดวงตากลมคู่สวย ประกอบกับริมฝีปากได้รูป บางแดงระเรื่อบนดวงหน้าที่ได้สัดส่วนสมบุรุษเพศเข้าขั้น “พระเอก” ทำให้คนเป็นแม่อย่างเธออดเป็นห่วงไม่ได้ทุกครั้งเมื่อลูกชายคนเล็กโทร.มาบอกว่า “วันนี้ผมขอกลับบ้านเย็นหน่อยนะแม่ มีติวกับเพื่อนนิดหน่อย”

เพราะเธอกลัวเหลือเกินว่า “นิด” กับ “หน่อย” ในประโยคนั้น จะเป็น “เพื่อนสาว” ของลูกชาย ยิ่งถ้าเป็นเพื่อนสาวที่ระริกระรี้จนตัวสั่น เพราะอยากจะเป็น “เจ้าสาว” ในอนาคตของลูกชายเธอแล้วล่ะก็ บอกตามตรงว่าคนเป็นแม่เธอก็ไม่อยากจะยิ้มต้อนรับสักเท่าไรนัก

‘คุณพ่อ มอ.หก’ ไม่ควรจะเป็นย่อหน้าใดย่อหน้าหนึ่งในวรรณกรรมชีวิตที่ลูกชายคนเล็กของเธอต้องอ่าน

ฟลุ๊ค อายุครบยี่สิบห้าปีแล้วในปีนี้ ใคร ๆ ชอบพูดกันให้เธอแอบไม่สบายว่าช่วงเวลาแห่งเบญจเพสมักจะมีอาถรรพณ์เสมอ เพราะเทพแห่งโชคชะตามักจะเลินเล่อปล่อยให้ตัวเคราะห์ร้ายมาก่ออุบัติเหตุในชีวิตคนเราถี่และบ่อยครั้งเกินไป จนอาจถือนับเอาเป็นกราฟเส้นสถิติที่มองไม่เห็นก็ย่อมได้

ลูกชายคนโตของเธอยังไม่ได้บวชให้แม่ เพราะพอเรียนจบ รับปริญญาปุ๊บก็ได้เข้ารับราชการปั๊บ เป็นคุณครูสอนเด็ก ๆ อยู่ในโรงเรียนมัธยมศึกษาประจำตำบลแห่งหนึ่งในจังหวัดข้างเคียง หากแต่ระยะทางจากบ้านไปถึงโรงเรียนเกือบร้อยกิโลเมตร จึงทำให้เขาตัดสินใจพักนอนอยู่ที่บ้านพักครูซึ่งทางโรงเรียนได้จัดไว้ให้สำหรับครูที่อยู่ไกล แทนการเดินทางไป-กลับทุก ๆ วัน

เขาจะกลับมาบ้านก็เพียงแค่สัปดาห์ละครั้ง โดยมากก็มักจะเป็นตอนเย็นของวันศุกร์ และจะออกเดินทางกลับไปโรงเรียนอีกทีก็ในตอนบ่ายของวันอาทิตย์

เธอก็ไม่ทราบว่าเป็นด้วยเหตุผลกลใด พักหลัง ๆ มานี้ลูกชายคนโตของเธอถึงไม่ค่อยจะกลับบ้านตามกำหนดอย่างเคย จากสัปดาห์ละครั้งก็เริ่มขยายเป็นสองสัปดาห์กลับเสียครั้งหนึ่ง และจากสองสัปดาห์กลับเสียครั้งหนึ่งก็กลายมาเป็นเดือนละครั้งในพักหลัง ๆ

เธอก็ได้แต่หวังว่าอาการป่วยและไม่ยอมไปรักษาของ “คุณยาย” คงไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้หลานชายไม่อยากที่จะกลับบ้าน

อีกสองวันก็จะถึงวันคล้ายวันเกิดของเธอแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีสมาชิกคนใดในบ้านจำวันเกิดของเธอได้เลยสักคน

ช่างมันเถอะ ภาพความหวังที่ว่าจะมีตุ๊กตาหมีผูกโบสีชมพูอยู่ในกล่องสีสวยใบใหญ่ … แอบซุกอยู่ใต้ผ้าห่มหรือตู้เสื้อผ้านั้น สีของมันเริ่มจะซีดและจางลง ๆ เรื่อย ๆ ไปทุกวัน ๆ … นับตั้งแต่ที่เธอเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว

อ่อ…ภาพใบเดียวกันนั้นกลายเป็นกระดาษที่ว่างเปล่าตอนที่เธอแต่งงานและมีลูกนี่เอง

เสียงไอแห้ง ๆ ติดกันถี่ ๆ ดังออกมาจากห้องข้าง ๆ อากาศหลังเที่ยงคืนเริ่มเย็นลงบ้างแล้ว แม่คงนอนเปิดพัดลม แล้วตอนใกล้งีบหลับก็คงจะเผลอลืมห่มผ้าอย่างที่เธอเองก็ชอบทำบ่อย ๆ เมื่อครั้งที่เธอยังเด็ก ซึ่งเธอเองยังคงจำได้ดีว่าแม่นี่แหละที่แอบย่องเข้ามาปิดพัดลมและห่มผ้าให้

เธอไม่รู้เหมือนกันว่าเทพเจ้าแห่งความทรงจำใช้กล้องหรือแผ่นฟิล์มชนิดใดบันทึกภาพแห่งความประทับใจนั้นไว้ มันถึงยังคงแจ่มชัดแนบสนิทอยู่ในอณูเนื้อวิญญาณของเธอจวบจนกระทั่งบัดนี้

สามียังคงหลับสนิทแบบไม่ปกปิดเสียงกรนเหมือนทุกครั้ง ในขณะที่เธอค่อย ๆ ย่องลงจากเตียง …แอบไป ‘ดู’ แม่ที่ห้อง

ห้องของแม่ไม่ได้ลงกลอน เธอแอบยิ้มกับตัวเองในความมืด นี่คงเป็นเรื่องหนึ่งในบรรดา ‘เรื่อง’ ที่มีอยู่เพียงไม่กี่เรื่อง … ที่แม่ยอมทำตาม ‘คำสั่ง’ ของเธอ

‘หนู ‘ขอ’ ล่ะแม่ ถ้าเกิดแม่เป็นอะไรขึ้นมา ใครเขาจะเข้าไปช่วยได้ทัน เจ้าฟลุ๊คกับเจ้าแฟรงค์มันคงไม่มีแรงพังประตูเข้าไปช่วยแม่เหมือนกับในละครน้ำเก่าหลังข่าวหรอกนะ’

ภายในห้อง จะเรียกว่ามืดสนิทก็ไม่เชิง เพราะพอปรับสายตาให้ชินกับห้องที่ปราศจากแสงไฟได้สักครู่ เธอก็เห็นภาพสลัวรางของหญิงชราคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงไม้ที่ไม่สูงเท่าไรนัก

นี่ถ้าพ่อของเธอยังอยู่จะเป็นอย่างไรนะ?

แม่จะดื้อแบบนี้หรือเปล่า?

ไม่มีคำตอบจากกระแสความคิด พ่อจากไปเกือบสิบปีแล้ว มันนานเกินที่จะเอามาช่วยอนุมานคำตอบ

แม่ลืมปิดพัดลมและไม่ยอมห่มผ้าจริง ๆ เสียด้วย อากาศเย็นคงทำให้อาการไอของแม่กำเริบ เธอค่อยบรรจงห่มผ้าให้แม่อย่างเบามือ ประหม่านิดหน่อยด้วยกลัวว่าแม่จะตื่น ชั่วขณะหนึ่งของความคิดทำให้อดนึกสงสัยไม่ได้ … คราวที่แม่แอบเข้ามาห่มผ้าให้เธอในครั้งที่เธอยังเป็นเด็ก แม่จะประหม่าแบบนี้เหมือนเธอหรือเปล่านะ?

เธอเดินออกไปจากห้องโดยไม่ลืมที่จะปิดพัดลม…

ความมืดทำให้เธอไม่ทันได้สังเกต ว่าร่างที่นอนอยู่บนเตียงนั้น…แย้มยะยิ้มออกมาเล็กน้อยในความเงียบงัน