บ่วงบรรพกาล : ก.ไกรศิรกานท์

นิยายสั้นย้อนยุค ฉากสมัยโบราณ อิงประวัติศาสตร์ (Historical/ History)

วันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งที่ชายชราเข้ามา ‘เดินเล่น’ ในพิพิธภัณฑ์ และมาหยุดยืนมองผ้าทอมือผืนนั้น…นิ่งและเนิ่นนานด้วยหัวใจที่ล่องลอย …ล่องลอยไปสู่อดีตกาลอันไกลโพ้น ไกลแสนไกลเกินกว่าที่ใครคนใดในพิพิธภัณฑสถานแห่งนี้จะล่วงรู้

อยู่ ๆ ก็มีลมพัดเข้ามาภายในห้องโถงที่จัดแสดง ทั้ง ๆ ที่ไม่น่าจะมีลมพัดเข้ามาได้ ท้องฟ้าภายนอกเหมือนกับจะมืดมิดลงทันตาเห็น ไฟฟ้าที่ทางพิพิธภัณฑ์เคยเปิดเอาไว้สว่างไสว ก็ค่อย ๆ กระพริบ ๆ ดับ ๆ ติด ๆ ราวกลับว่าไส้หลอดจะขาดเอาเสียดื้อ ๆ

ว่างเปล่า…

ห้องทั้งห้องว่างเปล่า ไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิต

ถึงแม้ว่าจะล่วงเข้าสู่วัยชรา แต่เขาก็คิดว่าเขาไม่ได้หูฝาด เขาคิดว่าเขาได้ยินเสียงหัวเราะเย็น ๆ ของสตรีผู้หนึ่ง ดังออกมาจากมุมใดมุมหนึ่งภายในห้องจัดแสดงแห่งนี้!

.
.
.

“เฮาต้องพากันหนีแล้วหนา เจ้านางน้อย”

จำปาวิ่งหน้าตาแตกตื่นเข้ามาในห้อง เจ้านางน้อยไม่เคยเห็นพี่เลี้ยงของเธอรีบร้อนตกใจอะไรอย่างนี้มาก่อน

“ใจเย็น ๆ ก่อนเน้อพี่จำปา มีอะหยังเกิดขึ้น มีไผเป็นอะหยัง?”

“หมู่เจียงใหม่น่ะเจ้า ทหารมันแล่นเข้ามาบอกว่าหมู่เจียงใหม่จะเข้ากำแพงเมืองวรนครของเฮาได้แล้ว”

สิ้นคำบอกเล่าของจำปานางพี่เลี้ยง เจ้านางน้อยก็รู้สึกได้เลยว่ามือทั้งสองข้างของตนพลันเย็นเฉียบขึ้นมาทันทีทันใด รู้สึกเหมือนกับว่ามีใครสักคนตักเอาน้ำจากลำห้วยในเช้าฤดูหนาวมาราดรดตั้งแต่หัวจรดเท้า เจ้าพี่สิทธิศักดิ์เคยเล่าให้ฟังว่าบริเวณชายแดนฝั่งตะวันตกของเมืองม่าน มียอดเขาสูงอยู่ลูกหนึ่งซึ่งมีเหมยขาบอาบหมอกปกคลุมอยู่ตลอดทั้งปี เพราะเป็นแนวเทือกเขาบริวารอันต่อเนื่องมาจากเทือกเขาหิมาลัยของพวกแขกอารยัน

เจ้าพี่สิทธิศักดิ์ยังเคยบอกอีกว่าก้อนเหมยขาบที่พวกแขกอารยันเรียกกันว่าหิมะนั้นมีความเย็นมาก ถ้าได้ลองจับดู มันเหมือนจะกัดกินมือของเราได้เลยทีเดียว เจ้านางน้อยเคยรู้จักแต่เหมยขาบแม่ขะนิ้ง ไม่เคยได้เห็น ‘หิมะ’ จริง ๆ จัง ๆ สักที จึงไม่รู้ว่าไอ้เจ้าก้อนหิมะนั้นมันจะเย็นสักแค่ไหน คงจะเย็นพอ ๆ กับแผ่นหลังของเธอในขณะนี้เลยกระมัง! [เหมยขาบแม่ขะนิ้ง = น้ำค้างแข็ง]

“เก็บผ้าเก็บครัวเต๊อะเจ้า เฮามีเวลาเหลือบ่นักแล้ว” จำปาเร่ง เตือนสติเจ้านายของตน

“แล้วเฮาจะหนีไปอยู่ไหน จะหนีไปทางใด”