ปลาทองเทวดา : ก.ไกรศิรกานท์

นิยายสั้นแนวชีวิต ดราม่า (Drama) นิยายสั้นแนวแฟนตาซี (Fantasy)

ร่างหล่อเหลาประหนึ่งเกลาสลักแกล้งแสร้งปั้นด้วยจิตรกรฝีมือเอกของอนุเทพนามรติศิรายามเทวบุตร ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นสบพักตราที่เรียบเฉยราวทะเลปราศจากคลื่นลมขององค์สุยามเทวราช ก่อนจะเบือนหน้าหันไปทางสิปปะยามเทวบุตรผู้เป็นสหายที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่ในอิริยาบถ ‘เทพนม’…ก้มหน้าก้มตาเหมือนจะบอกให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าเขาไม่ขอออกความเห็นใด ๆ ทั้งนั้น นอกเสียจากการวางตนเป็นกลาง …วางอุเบกขา … อันเป็นหลักข้อหนึ่งในวัตรปฏิบัติของพรหมซึ่งอยู่เหนือชั้นยามาสวรรค์นี้ขึ้นไป

“ท่านมีสิ่งใดจะเจรจาแถลงไขให้เราสดับฤๅไม่ รติศิรายามเทวบุตร”

“กระหม่อมมิมีสิ่งใดจักเจรจา ด้วยเหตุที่กระหม่อมยังยึดมั่นเชื่อถือว่าทิฐิแห่งกระหม่อมนั้นเป็นความเที่ยงแท้ถูกต้องทุกประการพะย่ะค่ะ”

“ท่านแม่นมั่นในมนกมลเช่นนั้นเจียวฤๅ…องค์อนุเทพ” ถ้อยแถลงขององค์สุยามเทวราชยังคงราบเรียบสม่ำเสมอ ตรงกันข้ามกับดรุณมาณพเทวบุตรที่บังเกิดโทสารมณ์ในฤทัย จนตรีรังสีรัศมีที่เปล่งอยู่รอบสรรพางค์นั้นคล้ายกับจะเลือนรางบางเบาลงไปจนสังเกตได้

“หามิได้องค์ ‘มหาเทพ’… หากเพียงแต่กระหม่อม — ”

“เอาเถิด” องค์สุยามเทวราชโบกพระหัตถ์ห้าม ก่อนจะทรงเบือนพระพักตร์ไปทางสิปปะยามเทวบุตร ทำให้เทวมาณพซึ่งนั่งเป็น ‘เทพนมก้มหน้า’ อยู่ตรง ณ ที่แห่งนั้นต้องก้มหน้าต่ำลงไปอีก

“ที่เราให้สิปปะยามเทวบุตรไปเรียนเชิญท่านมา ก็เพียงใคร่เจรจาตักเตือนอนุสติแห่งท่านเอาไว้บ้างเท่านั้น”

“กระหม่อมยังมิแจ้งจิต ว่าได้กระทำการณ์ใดให้เป็นที่ขัดเคืองหทัยแห่งพระองค์”

“อันที่จริงการณ์ที่ท่านได้กระทำลงไปนั้น ก็ไม่ได้ก่อความเคืองขุ่นอันใดแด่เราหรอก แต่ที่เราจำเป็นต้องเอาตัวเข้ามาพัวพันในครานี้ ท่านจะหาว่าเรายุ่งก็คงต้องยอมกันสักครา เพราะความเดือดร้อนของชาวฟ้ายามาภพก็ย่อมถือว่าเป็นความเดือดร้อนของเราซึ่งเป็นประมุขด้วยเฉกกัน ท่านคงจะไม่โป้ปดปฏิเสธเราดอกกระมัง ว่าเหตุการณ์ที่ยามะธิดาคณะหนึ่งได้ไปก่อการณ์วิวาทกันที่ใต้ร่มปาริชาตสวรรค์แห่งชั้นดาวดึงส์นั้นมิได้มีเหตุมาแต่ท่าน”

“กระหม่อมมิบังอาจ แต่เท่าที่ความจำอันน้อยนิดของกระหม่อมจะพึงระฤกได้ กระหม่อมคิดว่ากระหม่อมมิได้อาศัยอยู่ ณ ที่แห่งนั้น…ในเพลานั้น”

“เช่นนั้น ท่านคงจักมิรู้กระมังว่า เหล่านางสวรรค์พวกนั้นก่อเหตุวิวาทะกันด้วยเหตุผลกลใด”

“เป็นเช่นนั้นกระหม่อม”

“ถ้าเป็นเฉกนั้น เราจักแถลงให้ท่านสดับ เหตุที่นางสวรรค์คณะนั้นพากันลงไปก่อเหตุวิวาทะกันถึงชั้นดาวดึงส์ ก็เหตุด้วยความหึงหวงในตัวยามเทวบุตรรูปงามองค์หนึ่งซึ่งเที่ยวฝากฝันจำนรรจาเสน่หาปฏิพัทธ์ไปทั่ว โดยมิคำนึงถึงความรู้สึกของบุคคลอื่นใดนอกจากตนเป็นที่ตั้ง และเท่าที่เราทราบมา ยามเทวบุตรองค์นั้นก็คือท่าน…รติศิรายามเทวบุตร”

กลิ่นหอมของปาริชาตสวรรค์โชยมาแต่ไกล … ข้ามไกลมาถึงอีกฟากชั้นหนึ่งของยามาสวรรค์ กลิ่นของมันอาจทำให้ผู้ที่อยู่ในฉกามาพจรภพเคลิบเคลิ้มหลงใหล หากแต่ก็ยังไม่มีพลานุภาพมากพอที่จะทำให้ยามเทวบุตรรูปงามหวนรำลึกถึงทัณฑ์ผิดแห่งตนได้

เทวบุตรหนุ่มยังคงยิ้มเริงร่าทำหน้าเป็น ไม่มีท่าทีว่าจะรู้สึกสำนึกผิดคิดว่าตนเป็นปฐมเหตุแห่งการณ์อันเลวร้ายนั้น

“ท่านเห็นว่าสิ่งใดเป็นเรื่องน่ารื่นเริงกระนั้นฤๅ?” องค์ยามาเทวราชกล่าวถาม