วันต่อมา
05:00 น.
สมาชิกทีมสืบสวนทั้งสี่ถูกเรียกมารวมตัวอย่างกะทันหัน เนื่องจากมีการตรวจพบหลักฐานสำคัญเพิ่มเติมที่มีความเกี่ยวโยงกับคนร้าย ผู้กองเพชรมาถึงที่นัดหมายก่อน เขาจึงเตรียมเอกสารและสมุดบันทึกต่างๆเอาไว้ให้พร้อม ไม่นานนักหมวดจ้อยก็ตามมา พร้อมกับหมวดแช่มและหมวดต่ายตามลำดับ
“เมื่อคืนเจ้าหน้าที่ของเราแฮคข้อมูลในโทรศัพท์นั้นสำเร็จแล้ว เขาไลน์มาบอกผมว่ามีบันทึกการโทรเข้าล่าสุดคือตอนสี่ทุ่มสิบห้าซึ่งเป็นเบอร์ที่ไม่ได้ถูกเมมไว้ แล้วก็ตำแหน่งของไอพีไม่เคลื่อนที่เลย” ผู้กองเพชรหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโชว์รูปแคปหน้าจอที่เจ้าหน้าที่ส่งมาให้ “ระบุพิกัดว่าอยู่ในตึกB ฝั่งใกล้เรือนคหกรรมของโรงเรียน คาดว่าโทรศัพท์จะถูกทิ้งไว้แถวนั้น แต่สิ่งที่เป็นประเด็นน่าสนใจกว่าคือ คนร้ายไม่ใช่นักเรียนแน่นอน”
“ผู้กองรู้ได้ยังไงครับว่าไม่ใช่” หมวดแช่มขมวดคิ้วสงสัย ถามอย่างไม่เชื่อหู
อีกคนไม่ได้ตอบออกไปในทันที แต่กลับยื่นเอกสารอะไรบางอย่างที่เพิ่งปริ้นออกมาให้เขาดู หมวดทั้งสองคนรีบลุกขึ้นเดินย้อนไปข้างหลังหมวดแช่มเพื่อจะดูหลักฐานบนหน้าเอกสาร ซึ่งก็ปรากฎรูปคนร้ายที่แคปมาจากคลิปของกล้องวงจรปิดกับรูปของ จันทร์ ภารโรงหญิงคนเมื่อเช้าที่ยืนกวาดขยะอยู่
“อย่าบอกนะคะว่าคนที่ฆ่านายสไปร์ทจะเป็นคุณจันทร์..”
“ดูรูปประกอบสิหมวด” ผู้กองเพชรชี้ “รูปร่าง ความสูงท่าทางของทั้งสองคนในคลิปคล้ายกันมาก”
“แต่ผู้หญิงรูปร่างแบบนี้มีเยอะถมไปนะครับผู้กอง” หมวดจ้อยกล่าว
“อย่าเพิ่งสิ รู้มั้ยว่าข้อมูลที่พวกคุณส่งให้ผมมากับข้อมูลใหม่ของผมมันโยงเกี่ยวเนื่องกันทั้งนั้น” ผู้กองเพชรกดเปิดวิดีโอในคอมพิวเตอร์ของตนเองเรียงไทม์ไลน์คลิปที่ไปขอมาตอนเย็นเมื่อวาน มีตั้งแต่มุมโถงในตึกสำนักงานทะเบียนที่เป็นที่ตั้งของจุดแตะบัตรเข้าออกที่นางสาวจันทร์เดินมากดแตะบัตรเลิกงานอย่างเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นก็เดินไปยังลานจอดรถ ก่อนจะเข้าไปนั่งฝั่งคนขับในรถเก๋งคันเก่า
ติ๊ด เขากดหยุดคลิป
“พวกคุณเห็นอะไรมั้ย” เขาใช้เม้าส์ปรับแสงให้เห็นข้างในรถนั้นได้ชัดผ่านตัวฟิล์ม ก่อนจะซูมเข้าไปข้างในฝั่งข้างหลังคนขับ “ถุงผ้าสีดำลายหัวกะโหลกที่คนร้ายใช้ก่อเหตุ นี่คือหลักฐานที่หนึ่ง” พูดจบ เขาก็กดเล่นวีดิโอต่อ
เหตุการณ์ในคลิปแสดงให้เห็นว่าผู้หญิงคนนี้ขับรถออกไปจากโรงเรียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“แต่ที่เราเคยสรุปกันคือคนร้ายรออยู่ข้างในตั้งแต่หลังเลิกเรียนไม่ใช่เหรอผู้กอง”
“ดูก่อน…”