ผ้าผี : ตรีเนตร

นิยายสั้นสยองขวัญ (Horror/ Chiller)

 โบรว…ร็ววว

 หมาสองสามตัวที่ไต้ถุนแย่งกันหอนขึ้นมาพร้อมกันนั่นเอง บุญเติมที่นอนติดกับผมร้องออกมาสุดเสียง ด้วยอาการผวา

ตาเหลือกลาน

“โอ๊ย…โอ๊ย!!…ช่วยด้วย!!…ช่วยด้วย”

มันร้องพร้อมกับยกสองมือเหมือนพยายามแกะอะไรออกจากคอผม รีบคว้ามือของมันเขย่าอย่างแรง

“บุญเติม…บุญเติม…เป็นอะไร?”ผมถามแล้วจุดไม้ขีดไฟติดตะเกียง

“พี่สาว พี่นกที่ผูกคอตายมาบีบคอ ขอผ้าคืน” มันตอบแล้วลุกขึ้นนั่ง

“อีก 10 วันกว่าก็ครบ 100 วันแล้ว แม่เขาจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้”

ไอ้บุญเติมเล่าต่อพลางเอื้อมมือไปที่หีบไม้ขนาดเล็กเก่าๆ ใบหนึ่งข้างหมอนของมัน มันเปิดหีบหยิบของชิ้นหนึ่งขึ้นมาซู ผมใจหายวาบขนลุกซู่ที่เดียว

 “นี่ไง…ผ้าขาวม้าผืนนี้แหละพี่นกใช้ผูกคอตาย”

“แล้วบุญเติมเก็บผ้านี้ไว้ทำไมล่ะน่าจะเผาไฟทิ้งพร้อมกับศพของแก”ผมถาม

“มีคนบอกว่าผ้าหรือเชือกที่ใช้ผูกคอตายถ้าเก็บเอาไว้เวลาไปเล่นการพนันจะรวยลูกเดียวไม่มีเสีย”

บุญเติมอธิบายสรรพคุณผมรับฟังเฉย ๆ ไม่ออกความเห็น แต่บอกมันว่า

“เอาละ…คืนนี้ดึกมากแล้วเรานอนกันต่อดีกว่า คืนพรุ่งนี้ไปทดลองกัน”

ว่าแล้วเราทั้งคู่ก็เอนตัวลงนอน แต่ผมยังไม่ทันหลับ สิ่งที่ทำให้ผมข้องใจก็คือเพื่อนอีก 3 คน ดาว, บอย, แก้ว ทำไมจึงไม่ตื่น ไม่รู้สึกตัวทั้งที่บุญเติมร้องโอยๆ หูจะแตกหรือผีสะกดพวกมันไว้ ผมยังนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งหลับใหลไปเมื่อไหร่ไม่รู้สึกตัวฟ้าสาง

.
.
.

สว่างแล้ว นกกาออกโบยบินหากินกันเป็นหมู่เป็นคู่ ดูไปก็คล้ายเฉกเช่นชีวิตของคนเรา พวกเด็ก ๆ ต้อนฝูงวัวฝูงควายลงท้องทุ่งอีกาตัวหนึ่งบินข้ามหลังคาปากก็ร้อง กา…กา…แล้วบินผ่านไป ชีวิตลูกทุ่งชนบทไทยขนานแท้เริ่มต้นสู้วันใหม่ทุกอย่างเป็นปกติธรรมดามีแต่ความเงียบสงบ และร่มเย็นเรื่อย ๆ ไม่มีข่าวร้ายหรือข่าวดีถี่ยิบให้รับรู้คู่กับความเจริญที่เรียกกันว่า “ยุคพัฒนา” เช่นทุกวันนี้

เป็นอันว่าตลอดทั้งวันผมกับบุญเติมไม่บอกเรื่องราวเมื่อคืนที่ผ่านมาให้ ดาว, บอย, แก้วรู้กลัวมันจะปอดลอยเสียเปล่าๆ