โดย : ถักฝัน
ลิขสิทธิ์ : Magic Time Media & เติมฝัน (termfun.com)
เสียงเปียโนดังกังวานไปทั่วห้องออดิทอเรียม ผู้เข้าแข่งขันคนแล้วคนเล่าต่างขึ้นไปบนเวทีและร่ายทำนองเพลงอันแสนไพเราะที่แต่ละคนได้ฝึกฝนกันมาเป็นอย่างหนักเพื่อการแข่งขันในครั้ง
ไปป์นั่งเกร็งอยู่ด้านหลังของเวทีที่ใช้ในการแข่งขัน นี่เป็นการแข่งเปียโนครั้งแรกในชีวิตของเขานับตั้งแต่ที่ได้เรียนมาเป็นเวลาห้าปี เขาเป็นเด็กต่างจังหวัดเพียงไม่กี่คนที่ได้เข้ามาแข่งขันในเวทีนี้ ถ้ามองระหว่างเขากับเด็กในเมืองแล้วนั้น ไปป์แทบไม่กล้าที่จะเอาตัวเองไปเทียบพวกเขาเหล่านั้นเลยแม้แต่นิดเดียว
มีคนเคยพูดไว้ว่า เด็กต่างจังหวัดจะขี้อายและไม่กล้าแสดงออกเท่าเด็กในเมือง ไปป์ขอยืนยันอีกเสียงว่ามันเป็นความจริง เด็กในเมืองที่ได้ขึ้นเล่นก่อนเขานั้นต่างพกพาความมั่นใจของตนเองขึ้นไปเล่นต่อหน้าคนดูหลายร้อยได้สบายๆ
แต่เขานั้นไม่ใช่…
คำว่าการแข่งขันครั้งแรกมันทำให้เขาตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิมหลายสิบเท่า ไปป์นั่งถูมือตัวเองเพื่อบรรเทาความเย็นจากอาการตื่นเต้นขั้นวิกฤติที่แผ่เข้ามาปกคลุมทุกต่อมรับความรู้สึกของเขา ทว่าถูเท่าไหร่มันก็ยังเย็นเหมือนเดิมราวกับว่ามีคนเอาตู้เย็นมาจ่อตรงมือของเขาเอาไว้ ไปป์กลัวว่าถ้าได้ออกไปอยู่ต่อหน้าคนมากมายมันอาจจะแข็งขึ้นมาเสียดื้อๆ
ในหัวของเขาพยายามคิดถึงทำนองเพลงที่ตนได้เตรียมมา แต่สมาธิที่เขาได้รวบรวมไว้ตั้งแต่ก่อนจะเข้ามาที่นี่มันได้แตกกระเจิงหายไปหมดแล้ว ประกอบกับเสียงเพลงจากคนก่อนหน้านับสิบที่รบกวนสมาธิของเขาได้เป็นอย่างดีทำให้ไปป์ยิ่งกระวนกระวายใจเข้าไปใหญ่
‘ทำไมถึงเล่นดีขนาดนี้ ถ้าถึงคิวเขาขึ้นไปเล่นจะสามารถเล่นได้ดีแบบนี้ไหมนะ เขาตื่นเต้นขนาดนี้จะเล่นผิดบ้างหรือเปล่า จะสะดุดไหม อย่าตื่นเต้นได้ไหม หากเล่นผิดแล้วจะต่อยังไง ถ้าผิดขึ้นมาจริงๆ แล้วเขาคงจะอายคนอื่นๆ น่าดูเลย หรือเขาจะขอถอนตัวดี’
ทั้งหมดนี้ตีรวนอยู่ในหัวของไปป์ เขาตื่นเต้นเสียจนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แต่อยู่ดีๆ เขาก็ต้องตกใจกับสัมผัสบางเบาที่ข้อมือจากใครอีกคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง เขาค่อยๆ หันไปมองอีกคน
“ถ้าตื่นเต้นมากๆ ก็บอกตัวเองว่าตื่นเต้น อย่าไปข่มมันไว้ หลับตาลงแล้วเชื่อใจตัวเอง”
เสียงทุ้มเรียบๆ ถูกเปล่งออกมาโดยที่อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาสักนิด มือขาวที่แห้งสนิทยังคงจับมือของเขาไว้ราวกับกำลังปลอบประโลมมือที่ชื้นเหงื่อของเขา ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันอีกจนกระทั่งอีกคนผละออกไปเงียบๆ เมื่อมีทีมงานมาเรียกตัวไป
“หมายเลข 25 นายกิ่งไผ่ โรจนเดชดำรง”
ไปป์หลับตาลง เสียงทุ้มของอีกคนดังวนลูปอยู่ในหัวของเขาเหมือนกับเทปเสียงที่ถูกเปิดซ้ำเรื่อยๆ เขาได้ยินเสียงปรบมือดังสนั่น ดังยิ่งกว่าคนก่อนหน้าหลายๆ คน ก่อนที่คนบนเวทีจะเริ่มกดลงที่คีย์แรกของเพลง ทำนองอันแสนไพเราะถูกบรรเลงไปเรื่อยๆ จนหมดเพลง
ถึงจะไม่รู้ว่าอีกคนเป็นใคร แต่เขารู้สึกขอบคุณที่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
“คุณไปป์ เมื่อกี้คุยกับคุณไผ่สินะคะ”
ทีมงานคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขา ก่อนจะนั่งลงข้างๆ แทนที่นั่งของคนเมื่อครู่ที่ทีมงานเรียกว่าไผ่
“อ่า ครับ”
ไปป์ตอบกลับไป นึกขึ้นในใจว่าเขาเป็นเพียงเด็กอายุสิบเจ็ดย่างเข้าสิบแปด เธอไม่จำเป็นที่จะต้องเรียกเขาว่าคุณราวกับเขาอายุสามสิบปีก็ได้
“คุณไผ่เป็นลูกชายของท่านประธานบริษัทที่ช่วยเหลือในการจัดการแข่งขันครั้งนี้ค่ะ ปกติเขาจะไม่ค่อยพูดกับใคร คุณไปป์ชวนเขาคุยเหรอคะ” ทีมงานคนนั้นอธิบายให้ฟัง มิน่าล่ะ เสียงปรบมือถึงได้ดังสนั่นลั่นฮอลล์ขนาดนั้น
“จริงๆ คือผมตื่นเต้นน่ะครับ เขาเลยช่วยบอกวิธีดีๆ ให้ผม”
ไปป์ตอบตามไปตามนั้น เอาจริงๆ วิธีของไผ่ก็ไม่เลว เขารู้สึกว่าจิตใจของเขาสงบมากขึ้น ถึงแม้จะยังตื่นเต้นอยู่ แต่ไปป์ก็บอกตัวเองตลอดว่ากำลังตื่นเต้น ไม่โกหกความรู้สึกของตัวเอง และไม่พยายามที่จะเอาชนะมัน แต่จะสู้ไปกับมันอย่างที่อีกคนกล่าวไว้
“คุณไผ่คงถูกใจคุณไปป์เข้าสินะคะ” ทีมงานสาวยิ้มให้กับอีกคน