Site icon เติมฝัน (TermFun) | อ่านนิยายสั้นออนไลน์ฟรี

My enemy หนีตายไปพร้อมชายที่เกลียด #นกฟีนิกซ์จะจิกไลม่อน : โลมาตัวสีเขียวที่ว่ายอยู่ในทะเลสีชมพู

โดย : โลมาตัวสีเขียวที่ว่ายอยู่ในทะเลสีชมพู
ลิขสิทธิ์ : Magic Time Media & เติมฝัน (termfun.com)

19:30

คฤหาสน์มาเฟียหลังใหญ่

 

วันนี้พี่ ครูซ กลับบ้านหรอครับ” ผมเอ่ยถามคนผู้เป็นแม่ที่กำลังจัดโต๊ะอาหารอยู่ตอนนี้

ผมชื่อ ไลม่อน เป็นลูกคนสุดท้องของบ้าน และมีครูซเป็นพี่คนโต ตอนเด็กๆ ผมติดพี่มันมาก พักหลังมานี้ตั้งแต่ที่พี่มันไปทำงานให้ป๊าก็ไม่ค่อยมีเวลามาเล่นกับผม ลำพังแค่งานที่บริษัทก็แทบจะไม่มีเวลาจะพักอยู่แล้ว

“ พี่บอกว่าคิดถึงเราน่ะ เลยจะแวะมาหา” หญิงสูงอายุตรงหน้าได้เอ่ยตอบ

“นั่นไงมาพอดีเลย” สิ้นสุดเสียงของแม่ ผมเลื่อนสายตาไปทางประตูที่พี่ชายคนโปรดกำลังเดินยิ้มเข้ามาเลยอดที่จะทักอย่างแซวๆไม่ได้

“นึกว่าจะลืมน้องไปซะแล้ว” ผมเอ่ยขึ้น

“น้องชั่วๆอย่างมึงใครจะไปลืมลง สวัสดีครับแม่” พอเอ่ยย้อนผมอย่างเอ็นดูปนจิกกัดเล็กน้อยเสร็จมันก็ไม่ลืมที่จะหันไปทักทายแม่

“ทันทีที่เจอหน้าก็ตีกันเลยนะ มากินข้าวก่อนสิแม่จัดโต๊ะเสร็จพอดี” เมื่อคนเป็นแม่เอ่ยขึ้นเช่นนั้น ผมกับพี่จึงเดินไปที่โต๊ะกินข้าวอย่างว่าง่าย
.
.
.

23:00

ณ ห้องนอนของไลม่อน

“ไลม่อน พ่อฝากกูให้มาบอกมึง ว่าพรุ่งนี้ไปดูอาวุธล็อตใหม่ที่ฮ่องกงให้หน่อย” ครูซเดินเข้ามาในห้องของผมพร้อมเอ่ยพูดขึ้น

“ทำไมเฮียไม่ไปเองอ่ะ” ผมถามออกไปด้วยความงุนงงเล็กน้อยว่าทำไมป๊าถึงให้ผมไปแทนที่จะเป็นพี่ชายคนที่ทำงานให้บริษัทป๊าอยู่ตอนนี้ แถมเขาน่าจะรู้เรื่องอะไรพวกนั้นมากกว่าผมด้วยซ้ำ

“พรุ่งนี้ติดประชุมสำคัญ กูไปไม่ได้” ความสงสัยก่อนหน้านี้ของผมได้ถูกไขให้กระจ่างหลังจากที่พี่มันเอ่ยตอบ ผมจึงตอบตกลงไปอย่าง่ายดาย

“เคๆ”

“งั้นก็รีบนอนซะ นี่ตั๋ว บินรอบเก้าโมงเช้า” หลังจากที่บอกข้อมูลการเดินทางกับผมเสร็จสรรพ คนเป็นพี่ก็เดินออกจากห้องไป
.
.
.

11:00

Hong Kong

ฮ่องกง

“ ไม่ได้มาตั้งนาน อากาศที่นี่ยังคงดีเหมือนเดิมเลยสินะ” ผมเอ่ยถาม ไอศรูย์ เพื่อนสนิทพ่วงกับตำแหน่งมือขวาของผม

“มันก็เป็นอย่างนี้ของมันทุกวันนั่นล่ะ” เพื่อนคนสนิทได้เอ่ยตอบ

ไอศูรย์มารับผมที่สนามบินเพื่อที่จะไปตรวจเช็คอาวุธล็อตใหม่ที่จะนำส่งในสิ้นเดือนนี้ หลังจากที่นั่งรถมาได้สักพักผมก็รู้สึกแปลกๆเหมือนมีคนกำลังขับรถตามมาแล้วตั้งแต่สนามบินเลยเอ่ยถามเพื่อนสนิทขึ้น

“ ไอศรูย์ มึงรู้สึกเหมือนกูใช่ไหมวะบีหนึ่ง”

“คันสีขาวนั่นใช่ไหมบีสอง” เราพยักหน้าให้กันอย่างเข้าใจ ไม่ทันได้พูดอะไรต่อคนในรถคันหลังก็ลดกระจกลงพร้อมกับชักปืนออกมา

“มึงรีบบอกคนเอารถมาเปลี่ยนเลยนะ ไม่งั้นซวยแน่” ทันทีที่ผมเอ่ยจบ เพื่อนสนิทมือขวาของผมมันก็จัดการยกหูโทรศัพท์ทำตามสั่งอย่างรวดเร็ว

“รถสปอร์ตคันสีดำ ป้ายทะเบียน A 11 ” ไอศรูย์เอ่ยขึ้นสั้นๆแต่ผมกลับเข้าใจความหมายที่มันสื่อดี จึงรีบทำตามแผนการสับขาหลอกมือปืนนั่น หึ…คิดจะมาฆ่าผมมันยังเร็วไปร้อยปี

แต่ไม่รู้ทำไมถึงซวยซ้ำซวยซ้อน หนีเสือปะจรเข้แบบนี้ เพราะรถที่ผมขึ้นมาเนี่ยมันไม่ใช่คันที่ลูกน้องเอามาเปลี่ยน แต่เป็นรถของ ฟีนิกซ์ ศัตรูคู่ปรับนัมเบอร์วันของผม นี่ผมรีบจนมองป้ายทะเบียนผิดเลยหรอวะ คันนี้มันไม่ใช่ A11 แต่เป็น A77

.
.
.

“อะไรของมึงเนี่ย” ฟีนิกซ์เอ่ยถามขึ้นอย่างๆ จะไม่ให้งงได้ยังไงล่ะ ที่อยู่ดีๆ ผมก็เดินขึ้นรถมันเนี่ย ปกติแค่หน้ามันผมยังไม่เคยจะมองเลย

“ตอนนี้มีมือปืนสะกดรอยตามกู” ผมเอ่ยบอกคนข้างๆที่ทำหน้างงอยู่

“แล้ว ???” มันถามขึ้นด้วยสีหน้ากวนอวัยวะเบื้องล่างอย่างที่ชอบทำใส่ในทุกครั้งที่เจอกัน จนผมหงุดหงิด

“ก็รีบขับรถออกไปจากตรงนี้สิวะ!! ” ผมตะโกนบอกมันเพราะไอ้มือปืนที่ตามผมอยู่นั้นเหมือนจะอ่านเกมของผมและไอศูรย์ออก ถึงเปลี่ยนจากที่เคยขับตามไอศูรย์อยู่มาตามรถสปอร์ตสีดำคันนี้ที่ผมกำลังนั่งอยู่แทน

“แล้วทำไมกูต้องทำวะ” ฟีนิกซ์ยังคงเอ่ยถามผมต่อ

“มึงดูนั่น” ผมชี้ไปที่รถสีขาวที่กำลังขับมาทางนี้แล้วเอ่ยต่อ “ถ้าตอนนี้มึงไม่ขับออกไปสักที เราจะตายกันทั้งคู่”

“แม่ง!!!” คนข้างๆอุทานออกมาอย่างหงุดหงิดแล้วรีบขับรถออกไป

“มึงขับเร็วกว่านี้ได้ไหมวะ ไอ้เหี้ยนั่นมันจะตามทันแล้วเนี่ย ” ผมเอ่ยเร่งคนข้างๆที่กำลังขับรถสปอร์ตคันสีดำอยู่บนถนนโล่งด้วยความเร็ว 140 ที่ต้องขับเร็วขนาดนั้นก็เป็นเพราะว่า มันมีไอ้บ้าตัวไหนไม่รู้ที่ส่งมือปืนมาจัดการผมยังไงล่ะ

“ กูเหยียบจนมิดตีนแล้วเนี่ย มึงก็ยิงสกัดมันไว้ก่อนสิวะ” ฟินิกซ์ ชายร่างสูง 187 เซนที่มันภูมิใจกับส่วนสูงนั่นหนักหนาว่าสูงกว่าผมทั้งๆที่จริงๆแล้วก็ห่างกันแค่ 4 เซนติเมตร เอ่ยขึ้น

ผมล่ะเกลียดขี้หน้ามันจริงๆ ยิ่งมันทำผมสีเทาควันบุหรี่ที่เพิ่มออร่าให้หน้าขาวๆ ของมันดูดีขึ้นไปอีกสิบเท่าจนเหมือนหน้าพระราชทาน ไหนจะสันกรามคมๆ กับเส้นผมยาวจนแทบปรกตานั่นอีก ขนาดวินาทีหนีตายแบบนี้ยังดูดี ถ้าปากมันดีได้ครึ่งนึงของหน้าตา ผมก็คงสนใจมันอยู่หรอก คนอะไรปากจัดชิปหาย

“ กูก็ยิงอยู่ไหมเนี่ย ถ้ามึงยังพูดมากอีกกูจะหันปลายกระบอกปืนไปทางมึงแทนแล้วนะ” ผมเอ่ยสวนมันขึ้นด้วยความหงุดหงิดและหมั่นไส้

“เอาเลย!! ยิงกูสิ !! ยิ่งเลย ถ้ากูตายมึงก็ตายเหมือนกัน” มันเอ่ยตอบโต้ผมด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน นี่กำลังจะโดนมือปืนฆ่าตายอยู่แล้ว มันก็ยังคงกวนผมไม่เลิก

“แม่งเอ้ย ทำไมกูต้องมาหนีตายกับมึงด้วยวะ” ผมบ่นออกไปอย่างตัดพ้อ

“แล้วกูเต็มใจมามากมั้ง หยุดพูดมากแล้วยิงให้มันโดนสักทีเถอะ” นั่นไง!!! ผมบอกแล้วไงครับว่าไอ้นี่มันปากร้าย !!!!!!

เราขับหนีมือปืนอยู่นานแล้ว แต่ตอนนี้มันก็ยังคงตามผมไม่เลิกแถมยังตามมาแบบติดๆอีกด้วย ไม่รู้ว่าเพราะมือปืนคนนี้มันฝีมือดีหรือเป็นเพราะผมกับไอ้ฟินิกซ์ที่มัวแต่ทะเลาะตบตีกันอยู่นั่นแหละ ถึงสลัดมือปืนนั่นไม่หลุดสักที

“ไอ้ไลม่อน มึงยิงให้มันโดนล้อบ้างได้ไหม อย่ายิงแต่อากาศแบบนั้น” ฟินิกซ์เอ่ยต่อว่าผม

“ ก่อนจะมาด่ากู ช่วยแหกตาดูด้วยว่าตัวเองขับรถแบบไหน ส่ายไปส่ายมาแบบนั้น คงจะเล็งได้มั้ง” ผมเอ่ยตอบคนข้างๆไปอย่างเอือมๆ ก็ดูสิครับ มันขับรถเดี๋ยวหักซ้าย เดี๋ยวหักขวาอยู่นั่นแหละ

“กูขับดีแล้วนะ มึงนั่นแหละที่… — ฉิบหายแล้วไง !! ” มันหยุดประทะคารมกับผมแล้วหันไปสนใจกับถนนตรงหน้าพร้อมกับเพิ่มความเร็วจนสุด เพราะตอนนี้รถของมือปืนนั่นมันอยู่ห่างกับผมแค่ 3 เมตรเท่านั้น

“ฟินิกซ์ มึงหักเลี้ยวขวาเลย ทางนั้นมีท่าเรืออยู่” ผมเอ่ยบอกมัน เพราะเห็นว่าท่าเรือนี้ค่อนข้างวุ่นวายและคนพลุกพล่านพอที่เราจะหนีไปได้

“จัดไปสหาย !!! ” มันเอ่ยขึ้นเชิงประชดประชันแต่ก็ยอมทำตามอย่างที่ผมบอก
.
.
.

ทันทีที่หันพวงมาลัยมาในทางที่จะไปท่าเรือ ระยะห่างระหว่างรถสองคันที่กำลังไล่ล่ากันอย่างดุเดือดก็ไกลกันออกไปจนมันยังพอให้ผมใจชื้นขึ้นมาอยู่บ้างว่าชีวิตของผมจะไม่แตกสลายไปตั้งแต่อายุยังน้อย

“ทิ้งรถไว้ที่นี่แล้วขึ้นเรือ” ฟินิกซ์เอ่ยขึ้น

“ห๊ะ !! มึงบ้าหรอ จะให้กูลงไปตายในน้ำทะเลอันเยือกเย็นแบบนั้น กูไม่เอาด้วยหรอกนะ” ผมตอบมันไปด้วยสีหน้าปฏิเสธสุดขีด ถ้าจะให้ไปไล่ล่ากันต่อในน่านน้ำที่กว้างใหญ่แถมหนีไปไหนไม่ได้อีก ผมไม่เอาด้วยหรอกนะ

“หรือมึงจะรอให้ไอ้เวรนั่นมายิงให้ตายตอนนี้เลย” คนผมเทาควันบุหรี่ข้างๆ เอ่ยขึ้นพร้อมเลื่อนสายตาไปทางหนุ่มชุดดำที่กำลังเดินหาอะไรบางอย่างอยู่ ทำให้ผมตัดสินใจได้ทันทีว่า…

“ มึงจะขึ้นลำไหนก็รีบเดินนำไป ”

“…” มันมองผมนิ่งๆแล้วส่ายหน้าเชิงเอือมๆ

“ เร็วๆสิวะ!!! ”

“ เออๆ” ว่าจบมันก็เดินนำผมไปที่เรือยอร์ชลำนึงที่จอดเทียบท่าอยู่

เหมือนว่าวันนี้โชคจะไม่เข้าข้างผมเลย เราสองคนเดินเรือออกมาได้สักพักมันก็ดับลงกลางทะเลซะอย่างนั้น นี่แต้มบุญผมมันหมดแล้วจริงๆสินะ แค่มีมือปืนตามเก็บก็เครียดจะตายอยู่แล้ว ยังต้องมาติดอยู่กับคู่อรินัมเบอร์วันกลางทะเลแบบนี้อีก

“มึงเลือกเรืออะไรมาเนี่ย” ผมเอ่ยถามฟินิกซ์ขึ้นด้วยความหงุดหงิด

“ก็ตอนนั้นมันรีบนี่หว่า กูกลัวมึงโดนยิงตาย” มันเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าแววตารู้สึกผิดจนเล่นเอาอารมณ์หงุดหงิดของผมเมื่อกี้เปลี่ยนเป็นความรู้สึกผิดแทน

“อย่างมึงเนี่ยเป็นห่วงกูด้วยหรอวะ” ผมเอ่ยถามมันออกไปด้วยความงุนงง

เป็นห่วงสิ ในฐานะเพื่อนร่วมโลกคนนึง” ไอ้นี่ก็วกกลับมากัดผมอีกเหมือนเดิมตามนิสัยมัน

“ แล้วทีนี้มึงจะเอายังไง เครื่องยนต์เรือดับแบบนี้เนี่ย”

“ก็ไม่ยังไง ปล่อยให้มันลอยไปตามลมทะเล เดี๋ยวก็พัดเข้าฝั่งแหละมั้ง” มันเอ่ยตอบด้วยเสียงนิ่งๆ และแววตาเรียบเฉยผิดกับผมในตอนนี้ที่ตาแทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว

ทำอะไรไม่ได้แล้วครับ ในเมื่อเครื่องยนต์ของเรือมันไม่สามารถใช้งานได้ ผมได้แต่นั่งทำหน้ามืดแปดด้านอยู่ ถ้าเรือไม่ถูกพัดเข้าฝั่งก็หมายความว่าผมกับมันต้องถูกลอยลำอยู่บนทะเลอันกว้างใหญ่แบบนี้ต่อไปหรอวะ อยากรู้จริงๆว่าไอ้หน้าไหนมันกล้าส่งมือปืนมาจัดการผม เป็นเพราะมันนั่นแหละเรื่องทั้งหมดถึงเป็นแบบนี้ อย่าให้รอดกลับไปได้นะ ผมจะไปบอกป๊าให้สั่งเก็บมันอย่างเลือดเย็นเลย คอยดู
.
.
.

“มีเกาะอยู่ข้างหน้าว่ะไลม่อน” ฟีนิกซ์เอ่ยขึ้นพร้อมกับชี้ไปที่เกาะกลางทะเลที่อยู่ห่างออกไปจากตรงที่พวกผมอยู่ราวๆ 1 กิโลเมตร

“งั้นมึงก็เอาเรือยางสำรองกับพลุสัญญาณมา” ผมเอ่ยบอกคนตรงหน้าและเขาก็ทำตามอย่างว่าง่าย

“จะไปเลยป่ะ” ทันทีที่สิ้นเสียงของฟีนิกซ์ผมก็เดินลงเรือยางแล้วพายมันไปที่เกาะกลางทะเลนั่นพร้อมกับคู่อรินัมเบอร์วันที่กำลังเป็นสหาย (…??…) ของผมอยู่ในตอนนี้

.
.
.

เราเดินทางมาถึงเกาะเป้าหมายเป็นที่เรียบร้อยพร้อมฟ้าที่กำลังจะมืดลง เลยตกลงกันว่าจะแยกย้ายกันไปหาฟืนเพื่อมาก่อไฟในยามค่ำคืน

“เอาป่ะ” มันเอ่ยขึ้นพร้อมกับยื่นลูกมะพร้าวมาให้กับผม

“กูให้มึงไปหากิ่งไม้แห้งมาไว้ก่อไฟ ไม่ใช่ให้ไปหามะพร้าวมาแดก” ผมที่หอบกิ่งไม้อยู่เต็มมือเอ่ยว่ามันอย่างเอือมๆ

“จะไม่กิน ??” นอกจากจะถามด้วยน้ำเสียงที่สุดกวนแล้ว มันยังทำท่าที่ยียวนใส่ผมอีก

“ กินสิครับ ระดับนี้แล้ว” ผมก็หิวนะครับ เอาเป็นว่าจะไม่ปฏิเสธน้ำใจก็แล้วกัน

“มึงนี่ก็มีน้ำใจเป็นกับเขาด้วยหรอวะ ขอบใจ” หลังจากได้กินน้ำมะพร้าวที่ฟีนิกซ์ยื่นให้แล้วผมก็เอ่ยแซวมันออกไป

“นอกจากน้ำใจแล้ว น้ำอื่นกูก็มีนะ” มันเอ่ยขึ้นด้วยแววตาแพรวพราว

“เลิกทะลึ่งแล้วมาช่วยกันก่อไฟ ก่อนที่มันจะมืด” ผมส่ายหน้าให้ความคิดกามๆของฟีนิกซ์และหันมาสนใจกองฟืนตรงหน้าต่อ
.
.
.

22:00

ผืนฟ้าที่มีแต่ดวงดาว

“มึงพอจะรู้ป่ะว่าใครเป็นคนสั่ง” ฟีนิกซ์เอ่ยถามผม

“เท่าที่จำได้กูก็ไม่เคยมีศัตรูที่ไหนนะ นอกจากมึงอ่ะ” ผมตอบมันไปอย่างครุ่นคิด

“หรือจะเป็นมึง ! มึงใช่ไหมที่สั่งเก็บกู” ใช่ ต้องเป็นมันแน่ๆ เพราะศัตรูผมมีแค่มันคนเดียวเนี่ย

“ใช้สมองน้อยๆของมึงคิดก่อนซิ ว่ากูจะจ้างมือปืนมาฆ่ามึงทำไม ในเมื่อกูก็หนีมันอยู่กับมึงเนี่ย” คนข้างๆ เอ่ยอธิบายให้ผมฟังอย่างใจเย็น

“ มันก็ไม่แน่ ที่มึงมากับกูเนี่ยเป็นเพราะความบังเอิญล้วนๆ” ซึ่งเป็นผมเองนั่นแหละครับที่ขึ้นรถผิดคัน

“มึงช่วยใช้ความคิดและกำลังสมองเพิ่มขึ้นอีกนิดนึงได้ไหมวะ ถ้ากูจะฆ่ามึงจริงๆ กูคงยิงมึงทิ้งตั้งแต่ในรถแล้ว ” มันยังคงอธิบายให้ผมฟังอย่างใจเย็นเช่นเดิม

“ไม่ใช่มึงแล้วจะเป็นใคร”

“ทำไมมึงถึงคิดว่ากูเป็นศัตรูหนักหนาวะ” มันเอ่ยขึ้นด้วยแววตาเรียบเฉยที่คาดเดาความรู้สึกได้ยาก จนผมดูไม่ออกเลยว่ามันคิดอะไรอยู่

“ก็แค่หมั่นไส้มึง เพราะมึงแย่งสาวๆ ของกูไปหมด ไหนจะเรื่องเดิมพันรถแข่งปีที่แล้วที่มึงมาแย่งไปจากกูอีก”

“…” ฟีนิกซ์นั่งนิ่งแล้วมองผมพูดต่อ

“นี่ยังไม่รวมกับที่มึงกวนตีนกูทุกครั้งที่เจอหน้านะ” ผมพูดออกไปด้วยสีหน้าหัวเสียจนหน้าหงิกหน้างอไปหมด แต่คนข้างๆกลับยังนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาแถมตอนนี้มันยังส่งยิ้มมาให้ผมอีก

“ยิ้มทำห่าอะไรนี่กูกำลังด่ามึงอยู่นะ” ผมเอ่ยถามมันอย่างงงๆ นี่มันจะใช้ไม้ไหนมากวนตีนผมอีกเนี่ย

“ก็มึงน่ารักอ่ะ กูชอบ” ชายผมเทาควันบุหรี่ข้างๆเอ่ยตอบผมด้วยแววตาเป็นประกาย พร้อมกับริมฝีปากที่ยกยิ้มค้างอยู่ ทำเอาผมงงตาแตกไปเลย

“ทำไมถึงชอบกวนตีนกูนักห้ะ”

“ถ้ากูไม่ทำแบบนี้มึงจะสนใจกูไหมล่ะ” ความสงสัยที่มีอยู่ของผมก่อนหน้านี้มันได้มลายหายสิ้น เมื่อฟีนิกซ์ได้เอี้ยวตัวมาเอ่ยกระซิบที่ข้างหู

ทำไมใจผมต้องเต้นแรงด้วยวะ คงจะตกใจล่ะมั้ง ผมไม่ได้เขินหรอกนะครับทุกคนที่อยู่ๆคนที่ปากหมาแบบนั้นจะมาพูดอะไรแบบนี้ ไม่เลยจริงๆ

“ก็เพราะว่าชอบมากจนอยากให้ไลม่อนสนใจสักทีไงครับ ถึงต้องทำแบบนี้”

แค่บอกผมดีๆก็ได้ แต่ทำไมต้องกระซิบกระซาบแล้วทำเสียงกระเส่าที่ข้างหูผมด้วย ผมไม่ชิน บอกเลยว่าจุดนี้ขอแกล้งเป็นใบ้ไปก่อนแล้วกัน โดนแอทแทคแรงเกินไป ผมรับไม่ไหว ใจผมมันสั่น หน้าผมมันแดง ฮรือออออออออ เอาไอ้ฟีนิกซ์คนหยาบคายกลับมา !!! หน้าหล่อๆกับคำพูดเพราะๆนี่มันรุนแรงต่อใจผมเกินไป

“เขินหรอ หน้าแดงเชียว” ฟีนิกซ์เอ่ยแซวผมขึ้นอย่างขำๆ แต่ผมไม่ขำด้วยไงครับเพราะผมน่ะเขิน ยอมรับตรงนี้เลยว่าเขินมากจนจะเอาหน้ามุดทรายอยู่แล้ว

“พอ—พอก่อน กูปรับตัวกับมึงโหมดนี้ไม่ทัน” ผมทนไม่ไหวจนต้องเอ่ยปากเบรกคนข้างๆให้เลิกหยอดก่อนที่ผมจะเป็นลม

“ ฮ่าๆๆๆ น่ารักจังเลยครับ” มันว่าพลางขยี้หัวผมเบาๆอย่างเอ็นดู ให้ตายเถอะ ทำไมมันถึงได้อบอุนได้ขนาดนี้นะ

ดวงดาวบนท้องฟ้าและปูเสฉวนที่อยู่บนหาดทรายขาวแห่งนี้ต้องเป็นพยานให้กับผมนะครับ ว่า ฟีนิกซ์ ศัตรูนัมเบอร์วัน มันบอกแล้วว่าชอบผม ดังนั้นไลม่อนคนนี้จะไม่ยอมให้มันหนีไปไหนได้หรอก ผมน่ะจะให้มันอยู่กับผมไปตลอด เพื่อรับผิดชอบที่ทำให้ผมหลงผิดคิดว่ามันอยากเป็นศัตรูด้วยอยู่ตั้งนาน

Exit mobile version