Site icon เติมฝัน (TermFun) | อ่านนิยายสั้นออนไลน์ฟรี

(ex) boyfriend : พุดดง

โดย : พุดดง
ลิขสิทธิ์ : Magic Time Media & เติมฝัน (termfun.com)

ที่แห่งนี้ เต็มเปี่ยมด้วยความทรงจำ…

สามปีก่อน เราเจอกัน รักกันที่นี่

หกเดือนก่อน เราเจอกัน…และเรา เลิก กันที่นี่

ปลายฤดูหนาวกำลังผ่านพ้นไป สายลมอ่อนของต้นฤดูใบไม้ผลิพัดมากระทบผิวหน้า มันยังคงเย็นและเหน็บหนาวหากกลิ่นหอมของชีวิตใหม่ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นกว่าทุกที

ดาดฟ้า เป็นหนึ่งในไม่กี่สถานที่ที่จะสามารถหาตัวแฮมเจอ เมื่อครั้งที่เขายังสวมเครื่องแบบนักเรียนมัธยมปลายของที่นี่อยู่ กลุ่มเพื่อนที่ขึ้นมานั่งจับจองพื้นที่เพื่อสังสรรค์เฮฮาตอนเที่ยง หรือแม้แต่คาบว่าง เต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะแบบที่เขาชอบ มันเป็นอย่างนั้นเรื่อยมา จน “เรา” เริ่มแยกย้ายกันไปเมื่อปลายปีก่อน เพื่อเตรียมตัวเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย เวลาไม่ค่อยตรงกันทำให้เริ่มหาเวลานัดเจอกันยากขึ้นทุกที

ฤดูใบไม้ผลิที่แล้ว ถึงจะไม่ได้ขึ้นมายืนรับสายลมเย็นตรงนี้พร้อมเพื่อนในกลุ่มคนอื่น แต่แฮมก็ไม่เคยหนาว…เพราะมือคู่นั้น….

ฤดูใบไม้ผลิปีนี้เป็นปีแรกตั้งแต่รู้จักกัน ที่ถูกทิ้งให้ยืนรับความเดียวดายอยู่เพียงลำพังอย่างโหดร้าย

คนตัวเล็กยืนเกาะรั้วเหล็ก ค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง หวังให้สายลมช่วยพัดพาเอาความเหงาที่เกาะกุมหัวใจมาตลอดหลายเดือนพัดผ่านไปเสียที เรื่องบางเรื่องที่มันจบลงแล้ว ก็ไม่ควรไปรื้อฟื้นขึ้นมาอีก…ข้อนั้นเขารู้ดี…เพราะรู้ดีถึงได้อยากลืม

เพราะหากไม่ลืม จนกว่าจะหมดลมหายใจก็คงไม่อาจเริ่มต้นใหม่กับใครได้อีก

พลันหูแว่วเสียงกระซิบของใครบางคนดังขึ้นในความทรงจำ…น้ำเสียงทุ้มนุ่มลึก แต่อ่อนโยน คุ้นเคย และอบอุ่นดั่งพระอาทิตย์ยามเช้า….

‘แฮม.. แฮมม…’

หืม..? อะไรนะ? พูดดังๆ หน่อยได้ไหม…?

‘เย็นนี้ไปกินไอติมกันไหม ร้านตรงสถานีรถไฟเปิดใหม่ ฉันได้บัตรลดมาด้วย’

‘จริงดิ ไปๆ’
.
.
.

ไอศกรีมรสหวานสีชมพูพาสเทลในชามแก้วใบโต คือภาพที่แฮมจำได้ดี และยิ่งกว่าชัดเจนคือกรอบใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาคมสวยมองตรงมาพร้อมรอยยิ้มมีเสน่ห์ ช้อนสีเงินคันเล็กตักเนื้อไอศกรีมขึ้นจรดริมฝีปากเขา คนตัวเล็กไม่รอช้า อ้าปากงับทันที…

ไอศกรีมสีพาสเทลรสสตรอเบอร์รี่เชอร์เบทลูกโตในชามแก้ว ดูหอมหวานน่ารับประทาน แต่ทว่าละลายเร็ว……. เหมือนความสุข

หากไม่รีบตักตวง มันย่อมละลายหายไป หากไม่คว้าไว้ เมื่อรู้ตัวอีกที อาจสายเกินเยียวยา…

ร่างเล็กลืมตาขึ้นอีกครั้งในตอนที่สายลมอ่อนจางพัดปะทะใบหน้าแผ่วเบาคล้ายปลอบประโลม ดวงตาคู่เล็กมองไปสุดขอบฟ้า ครั้งหนึ่งเคยมีใครอีกคนยืนอยู่ข้างๆ ชี้ให้เขาดูยอดเขาที่เริ่มมีสีชมพูของดอกไม้เบ่งบานขณะพระอาทิตย์กำลังบบลับขอบฟ้าในยามเย็น ครั้งนั้นเราเคยสัญญากันว่าจะกลับมาที่นี่เพื่อดูดอกไม้ด้วยกันอีกครั้ง…

แต่สัญญานั้นคงไม่มีวันเป็นจริง

มันไม่ใช่ความผิดของใคร ไม่ใช่เขาคือหมอนั่นไม่รักษาสัญญา แต่เพราะทางเดินของเรามันไม่เคยบรรจบกันเลยต่างหาก

เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากเบื้องหลัง หยุดทุกภวังค์ความคิด พลันหัวใจกลับเต้นแรงยามลมฤดูใบไม้ผลิพัดอีกครั้ง มันกระทบกับตัวตึกแล้วหวนกลับมาพร้อมกลิ่นน้ำหอมของใครบางคนที่แสนคุ้นเคย

แฮมรู้สึกถึงอาการสั่นยามผินตัวกลับไปมองผู้มาใหม่เต็มตา กรอบร่างแสนคุ้นตายืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้าคมคายฉายแววตื่นนิดๆ ก่อนจะค่อยๆ หายไปพลางเดินเข้ามาใกล้ด้วยจังหวะมั่นคง ในขณะที่คนตัวเล็กกำลังประหม่าจนเผลอกำมือตัวเองแน่นขึ้นอย่างไม่ทันรู้ตัว

รอยยิ้มแต้มบนเรียวปาก ความอบอุ่นที่แสนคุ้นตายังเป็นภาพเดิมราวหนังที่ฉายซ้ำ ร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาใกล้ด้วยจังหวะที่มั่นคง ดวงตาคู่สวยไม่ละสายตาจากเขาไปแม้แต่น้อย คนคุ้นเคยที่เพียงแค่เห็นใจก็สั่น…

นาย…

“หวัดดี” เป็นคนตัวสูงที่เอ่ยทักก่อน ขายาวใต้กางเกงยีนส์สีสนิมพาร่างสูงมาหยุดอยู่ข้างกาย กลิ่นน้ำหอมเย็นๆ ทำให้รู้สึกถึงป่าฝนในยามเย็น ยังคงเป็นกลิ่นเดียวกันกับวันวาน

“อืม…หวัดดี” แฮมตอบรับ เขาเบือนหน้าหนีดวงตาหวานหม่นแสงคู่นั้นกลับไปจ้องเนินเขาที่ดอกไม้เริ่มผลิบานทั้งที่ไม่มีอะไรน่าสนใจ หัวใจดวงเล็กในอกเต้นเร็วขึ้นอย่างไม่อาจหาเหตุผลให้ได้ว่าเพราะอะไร แค่ผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้นเองแฮม….แค่คนๆ เดียวที่เคยรักจนหมดใจ แค่คนที่ไปด้วยกันไม่ได้ เพราะต่างคนมีทางของตัวเองต้องเดิน…

และแค่บังเอิญว่าทางนั้นแฮมไม่สามารถก้าวไปเดินด้วยได้

“อากาศดีจังนะ” กายเอ่ยทำลายความเงียบ ชายหนุ่มหันหลังพิงรั้วเหล็กที่แฮมจับเอาไว้ ถึงตอนนี้รอยยิ้มบางๆ นั้นหายไปแล้ว ใบหน้าคมคายมีรอยหม่นหมอง

“เข้าฤดูใบไม้ผลิแล้วนี่” คนตัวเล็กกว่าพึมพำ “กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เครื่องเพิ่งลงเมื่อเช้านี่เอง นึกว่าจะไม่ทันเสียแล้ว”

กว่าจะทันรู้ตัว ร่างเล็กก็กำราวเหล็กเสียแน่นพลางชำเลืองมองเสี้ยวใบหน้าของร่างสูง ก่อนจะกระซิบพึมพำเสียงเรียบ “ก็ไม่ทันแล้วนี่ กว่าจะกลับมาดอกไม้ก็บานไปแล้ว”

“แต่นายก็ยังมาดูมันไม่ใช่เหรอ”

“ฉัน… มาดูวันนี้ เป็นวันสุดท้าย” ร่างเล็กกระซิบเสียงเบาอย่างตัดพ้อ ก่อนจะหลุบสายตาลงมองต่ำ…

เดิมพันที่แสนปวดร้าว เมื่อรางวัลล้ำค่าคือความไม่แน่นอน หากร่างสูงไม่มา วันนี้จะเป็นวันสุดท้าย…จะเป็นวันสุดท้ายที่หัวใจจะยังรอคอย หกเดือนที่อ้างว้าง ไม่มีแม้ข่าวคราว ปล่อยให้เขายืนอยู่ตรงนี้เพียงลำพัง ปล่อยให้ก้าวผ่านฤดูหนาวที่แสนโหดร้ายเพียงคนเดียวใน ‘ห้องของเรา’

ห้องที่เคยมีสอง กลับเหลือเพียงหนึ่ง นายเคยคิดไหมว่าพื้นที่ที่เคยใช้ร่วมกัน จะให้คนตัวเล็กนอนคนเดียวได้อย่างไร?

“แฮม…”

“นายมาที่นี่ทำไม”

“แฮม ฟังฉันก่อน”

“ถามว่ามาทำไม!”

ร่างสูงพยายามบอกให้ตัวเองใจเย็น ตอนนี้คนตัวเล็กกำลังโกรธ ไม่ต้องการฟังอะไรทั้งสิ้น แต่เขาไม่อาจปล่อยอีกฝ่ายไปได้ ที่ผ่านมาละเลยเพราะคิดว่าการฝากให้มาร์ค ช่วยดูแลแฮมในช่วงที่เขาต้องไปเรียนต่อต่างประเทศคงจะช่วยให้คนตัวเล็กหายเหงาไปได้บ้าง…แต่ร่างสูงคิดผิด

เขารู้ และตอนนี้ เขาพยายามจะแก้ไขทุกอย่างให้มันเป็นสิ่งที่ควรจะเป็น…ขึ้นอยู่กับแฮมว่าจะยอมไหม?

“ฉันมาตามสัญญาของเรา”

“มันไม่มีสัญญาพรรค์นั้นมานานแล้ว”

“ฉันขอโทษ” ร่างสูงเอ่ย ดวงตาคู่คมยังจ้องมองวงหน้าขาวนิ่ง จนแฮมเลือกเป็นฝ่ายหันหนี

“…”

“ฉันรู้ตัวว่าตัวเองทำไม่ถูก ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ ทั้งนั้น แต่ฉันขอโทษ ขอโทษจริงๆ นะแฮม”

เขาพูดแล้วเงียบเสียงลงจนร่างเล็กเผลอมองด้วยหางตาว่าอีกฝ่ายกำลังทำอะไร ก่อนที่ร่างสูงหยิบซองบุหรี่ยี่ห้อดังออกจากกระเป๋ากางเกง จรดมวนหนึ่งขึ้นที่ริมฝีปาก พลันคนตัวเล็กก็ออกปากถามอย่างไม่ทันห้ามใจ

“เดี๋ยวนี้สูบบุหรี่ด้วยเหรอ”

แฮมประหลาดใจ ตั้งแต่รู้เราจักกันมา ไม่มีครั้งไหนที่อีกฝ่ายจะแสดงพฤติกรรมแบบนี้ให้เห็น ร่างสูงไม่เหมือนมาร์คที่เอะอะก็สูบบุหรี่ เอะอะก็ดื่มเหล้า… แล้วทำไม..?

นายยิ้มขื่นก่อนตอบเสียงเครือ “อืม บางทีเครียดๆ บุหรี่ซักตัวก็ช่วยได้เยอะ”

เขาหยิบไฟแช็คขึ้นจุด เปลวไฟที่แดงอมส้มแผดเผาที่ปลายมวน กลิ่นฉุนลอยขึ้นมานิดๆ ร่างสูงสูดลมหายใจเข้าปอด ก่อนจะหันไปพ่นควันออกทางที่แน่ใจว่าลมจะไม่พัดตีขึ้นมารบกวนคนตัวเล็กกว่า ร่างเล็กยืนมองภาพนั้นด้วยแววตาเหม่อลอย

“แล้วตอนนี้เครียดเหรอ”

คนถูกถามทำเพียงเหลือบตามอง ไม่ยอมตอบอะไร เขาสูดลมหายใจเข้าอีกครั้ง ทำแบบเดิมในขณะที่เสียงคนตัวเล็กกว่าเริ่มสั่น

“มาเจอฉันที่นี่ ทำนายเครียดมากไหม”

น้ำเสียงสั่นไหว…ภาพแผ่นหลังกว้างของร่างสูงที่เดินจากไปยังชัดเจนจนจุกไปทั้งอก คำขอให้รอยังก้องในหัวใจ…แต่กลับไม่เคยติดต่อกลับมา

“ตอบสินาย! ตอบฉันมาสิ!”

ใจร้ายไปไหมนาย…ไหนว่ารักกัน…

“แฮม…อย่าร้อง”

น้ำเสียงทุ้มอ่อนโยน เพียงแต่อ้อมแขนนั้นไม่ได้โอบรัดไว้อย่างทุกที ความอุ่นร้อนบนแก้มมีเท่าทวียามหยดน้ำใสๆ เริ่มไหลรินอาบแก้มนวล เจ็บจนอยากหมดลมหายใจเสียตรงนี้….

“นายมันใจร้าย”

“ขอโทษ”

“ทำไมไม่เคยติดต่อมาเลย”

“ฉันขอโทษ”

“ไม่รักกันแล้วใช่ไหม”

“ไม่เคยมีวันนั้น ฉันรักนายเสมอ ที่ไม่ได้ติดต่อมา เพราะฉันคิดไปเอง คิดเองเออเองว่าแฮมของฉันเข้มแข็ง นายต้องไม่เป็นไร แต่ที่จริงมันไม่ใช่เลย ขอโทษจริงๆ จะต่อยจะเตะฉันก็ได้ แต่อย่าร้องไห้อีกเลย”

“นายพูดเองเออเองมาตลอด คิดไปเองตลอด” คนตัวเล็กสั่นระริก น้ำตาไหลอาบแก้ม ความเจ็บปวดที่อัดอั้นราวกับหัวใจทั้งดวงถูกบีบไว้ด้วยฝ่ามือใหญ่ที่มองไม่เห็นนั้นทำให้เขาแทบสำลัก ร่างสูงยังคงยืนอยู่ที่เดิม ดวงตาคู่สวยดูหม่นหมอง…และเจ็บปวดไม่แพ้กัน…

“….ฉันจะไม่เป็นไรได้ยังไง ไอ้นาย ไอ้บ้า ไอ้คนงี่เง่า นายมันสมองกลวง อื้อ! ปล่อยนะ!”

เขาไม่อยากฟังคำตัดพ้ออีกแล้ว แต่ละคำพูดของคนตัวเล็ก ทุกความหมายที่ซ้อนเร้นทำให้เขาเข้าใจดีว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา มีเพียงร่างสูงผู้คนโง่เขลาใช้สองมือที่โอบกอดร่างเล็กนี้ทำร้ายอีกฝ่ายมาตลอด แฮมยังซื่อสัตย์ รออยู่ตรงนี้ รออยู่ที่เดิม รอให้เขาทำความฝันให้สำเร็จตลอดมา เขากอดคนตัวเล็กแน่นให้สมกับที่เวลาที่สูญเสียไป เสียงสะอื้นฮักยังดังระงม

“ฉันผิดเอง ขอโทษนะแฮม ฉันขอโทษ ขอบโทษจริงๆ”

“พูดคำอื่นไม่เป็นแล้วใช่ไหม ไปต่างประเทศนี่ลืมทุกคำเหลือแต่คำว่าขอโทษใช่ไหม” ถึงจะโกรธ จะน้อยใจ แต่แฮมยังไว้ลายเป็นคนเดิมเสมอ ร่างสูงใหญ่อมยิ้มบาง กอดอีกฝ่ายแน่นให้ใบหน้าเล็กฝังลงกับอกเขา หวังเพียงให้ร่างเล็กได้ยินเสียงหัวใจที่ยังเต้นเป็นคำเดิม

“รักนะ ฉันรักนาย หมูแฮมของฉัน”

“นี่! บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกแบบนั้น!”

“ทำไมล่ะ น่ารักดีออก” ว่าพลางหอมแก้มฟอดใหญ่ไปบนพวงแก้มนิ่มของคนตัวเล็กฟอดใหญ่

”อื้อ!”

“แล้วรักไหม”

“อะไรอีก”

“รักฉันไหม”

“อื้อ”

“อื้ออะไร”

“รัก”

“…”

“รักเหมือนกัน”

 

Exit mobile version