น้ำเสียงทุ้มอ่อนโยน เพียงแต่อ้อมแขนนั้นไม่ได้โอบรัดไว้อย่างทุกที ความอุ่นร้อนบนแก้มมีเท่าทวียามหยดน้ำใสๆ เริ่มไหลรินอาบแก้มนวล เจ็บจนอยากหมดลมหายใจเสียตรงนี้….
“นายมันใจร้าย”
“ขอโทษ”
“ทำไมไม่เคยติดต่อมาเลย”
“ฉันขอโทษ”
“ไม่รักกันแล้วใช่ไหม”
“ไม่เคยมีวันนั้น ฉันรักนายเสมอ ที่ไม่ได้ติดต่อมา เพราะฉันคิดไปเอง คิดเองเออเองว่าแฮมของฉันเข้มแข็ง นายต้องไม่เป็นไร แต่ที่จริงมันไม่ใช่เลย ขอโทษจริงๆ จะต่อยจะเตะฉันก็ได้ แต่อย่าร้องไห้อีกเลย”
“นายพูดเองเออเองมาตลอด คิดไปเองตลอด” คนตัวเล็กสั่นระริก น้ำตาไหลอาบแก้ม ความเจ็บปวดที่อัดอั้นราวกับหัวใจทั้งดวงถูกบีบไว้ด้วยฝ่ามือใหญ่ที่มองไม่เห็นนั้นทำให้เขาแทบสำลัก ร่างสูงยังคงยืนอยู่ที่เดิม ดวงตาคู่สวยดูหม่นหมอง…และเจ็บปวดไม่แพ้กัน…
“….ฉันจะไม่เป็นไรได้ยังไง ไอ้นาย ไอ้บ้า ไอ้คนงี่เง่า นายมันสมองกลวง อื้อ! ปล่อยนะ!”
เขาไม่อยากฟังคำตัดพ้ออีกแล้ว แต่ละคำพูดของคนตัวเล็ก ทุกความหมายที่ซ้อนเร้นทำให้เขาเข้าใจดีว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา มีเพียงร่างสูงผู้คนโง่เขลาใช้สองมือที่โอบกอดร่างเล็กนี้ทำร้ายอีกฝ่ายมาตลอด แฮมยังซื่อสัตย์ รออยู่ตรงนี้ รออยู่ที่เดิม รอให้เขาทำความฝันให้สำเร็จตลอดมา เขากอดคนตัวเล็กแน่นให้สมกับที่เวลาที่สูญเสียไป เสียงสะอื้นฮักยังดังระงม
“ฉันผิดเอง ขอโทษนะแฮม ฉันขอโทษ ขอบโทษจริงๆ”
“พูดคำอื่นไม่เป็นแล้วใช่ไหม ไปต่างประเทศนี่ลืมทุกคำเหลือแต่คำว่าขอโทษใช่ไหม” ถึงจะโกรธ จะน้อยใจ แต่แฮมยังไว้ลายเป็นคนเดิมเสมอ ร่างสูงใหญ่อมยิ้มบาง กอดอีกฝ่ายแน่นให้ใบหน้าเล็กฝังลงกับอกเขา หวังเพียงให้ร่างเล็กได้ยินเสียงหัวใจที่ยังเต้นเป็นคำเดิม
“รักนะ ฉันรักนาย หมูแฮมของฉัน”
“นี่! บอกแล้วไงว่าอย่าเรียกแบบนั้น!”
“ทำไมล่ะ น่ารักดีออก” ว่าพลางหอมแก้มฟอดใหญ่ไปบนพวงแก้มนิ่มของคนตัวเล็กฟอดใหญ่
”อื้อ!”
“แล้วรักไหม”
“อะไรอีก”
“รักฉันไหม”
“อื้อ”
“อื้ออะไร”
“รัก”
“…”
“รักเหมือนกัน”