เธอทำตามขึ้นรถมา แต่กลับนิ่งเงียบไม่พูดอะไรเลย บรรยากาศตึงเครียดเข้าไปอีก
“ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอกันในงานแบบนี้” ผมพูดขึ้นเพื่อให้เราได้สนทนา แต่เธอก็ยังเงียบ
“ทำไมรับงานแบบนี้ด้วยล่ะ”
“มีงานอะไรมาฉันก็รับหมดนั่นแหละค่ะ”
“ทำช่องในยูทูปก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” เด็กน้อยมองนอกกระจกรถ ไม่ยอมสนทนาอีก
“แล้วทำไมต้องยอมโพสท่าอะไรพวกนั้นด้วย”
“มันเป็นงานนี่”
“เหอะ…เด็กสมัยนี้”
“อะไรกันคะคุณอยากจะพูดอะไรกันแน่”
“ก็จะบอกว่าเด็กเดี๋ยวนี้แค่อยากเข้าวงการจะอะไรก็ยอมทำหมดยังไงล่ะ”
“หา ฉันไม่ใช่คนแบบนั้นนะคุณ!”
“อ่อ งั้นก็ชอบเจ้าผู้กำกับหัวโล้นนั่นอะนะ เลยยอม?” นี่ผมพูดอะไรออกไป อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลแล้ว
“คุณบ้าปะเนี่ย ครั้งก่อนก็มาว่าแล้วครั้งนี้ยังจะมาว่าอีก คุณอย่ามาทำให้ฉันเกลียดนะ!”
เกลียด…? ตอนนั้นยังบอกว่าจะจีบเลยไม่ใช่รึไง ทำไมพูดอะไรออกมาไม่คิดเลย ผมเบรกรถกะทันหันแล้วหันไปมอง เธอยังโวยวายที่แทบจะกระแทกกับหน้ารถ ผมเลยกระชากร่างเล็กนั่นเข้ามาประกบปากแทน แล้วเผลอพลั้งลงแรงบีบแขนเธออย่างแรง
“ฮึก” เสียงสะอึกสะอื้นทำให้ผมผละออก เธอร้องไห้ ผมตกใจมากแต่ไม่กล้าแม้แต่จะปลอบ
“ขอโทษค่ะ ฉันขอลงตรงนี้” เธอรีบเปิดประตูลงจากรถไป
ผมถอนหายใจหนัก ร่างพิงเบาะแล้วมือกุมขมับ เฮ้อวุ่นวายใจไปหมดแล้ว
.
.
.
หลังจากเหตุการณ์วันนั้น เราก็ไม่ได้คุยหรือเจอกันอีกเลย จนมาถึงวันที่ลูกค้าอย่างเจแปนต้องเข้ามาดูงานครั้งสุดท้ายและเอางานไป ทีอย่างนี้ผมกลับจำได้ว่าเธอต้องมา แต่พอถึงเวลานัดผมแบล็คอัพไฟล์งานจนเสร็จ เจ้าตัวก็ไม่โผล่มาสักที
.
.
.
ก๊อก ก๊อก เสียงเคาะนั่นทำให้ใจผมเต้นรัว รีบเดินไปรออยู่หน้าประตู ไม่กล้าที่จะเปิดจนเสียงเคาะดังอีกรอบถึงเปิดออก
“ขี้เหรอ กว่าจะมาเปิด”
“ทำไมมาคนเดียว”
“กูต้องถามมึงน่ะสิ ว่าทำไมกูต้องมาคนเดียว ไปทำอะไรให้น้องเจแปนไม่พอใจ เขาถึงทิ้งให้กูมาคนเดียวเนี่ย”
ผมไม่เข้าใจที่กรพูดเท่าไหร่ ใจผมลอยไปแล้ว รู้สึกแย่ยังไงก็ไม่รู้แฮะ
“นิ่งเชียว โอเคปะวะ”
“กรคือกูสับสนว่ะ”
“สับสนอะไรจะขี้หรือฉี่ดีงี้ดิ” ไอ้จั๊ดง่าวนี่