เรื่องของกระต่ายกับเต่า (ที่อีสปไม่เคยเล่าให้ใครฟัง) : ก.ไกรศิรกานท์

นิยายสั้นแนวแฟนตาซี (Fantasy)

[ มนุษย์หมาป่า กับ ผากระต่าย ]

ท้องฟ้าเริ่มมืดมิด ก่อนที่สายฝนจะกระหน่ำโปรยปรายลงมาในเวลาไม่นานหลังจากนั้น กบชวนเขียดและอึ่งอ่างบรรเลงคีตดุริยางค์ระงมในฟลอร์สระบัว ซึ่งมีดอกบัวหลากสีชูช่อแข่งกันอยู่แลดูสล้างในนั้น

แน่ล่ะ … มันเป็นอะไรที่เข้ากันได้ดีทีเดียว

ฟ้าหลังฝนในวันรุ่งขึ้นดูสดใสกว่าทุกวัน เมฆสีขาวนวลชวนกันร่ายเริงระบำบนนภากาศตั้งแต่แดดยังไม่ทันจะลงดาบประหารเพชรน้ำค้างบนยอดหญ้า ฝูงแมลงปอและผีเสื้อหลากสีก็พากันบินขวักไขว่ไปมา ราวกับว่ามีงานมโหรสพแห่งมวลแมลงก็ไม่ปาน

ตอนนี้สายมากแล้ว แต่เจ้ากระต่ายก็ยังไม่ยอมลุกออกจากที่นอน อากาศอุ่น ๆ ในตอนสายมีอุณหภูมิกำลังดี เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการนอนหลับพักผ่อน

แต่ก็อย่างว่านั่นแหละ การพักผ่อนก็ไม่ต่างอะไรกับงานเลี้ยง…ที่ย่อมต้องมีวันเลิกรา เมื่อเจ้ากระต่ายได้ยินเสียงจะงอยปากน้อย ๆ เคาะที่หน้าต่างเบา ๆ

นกน้อยไปรษณีย์ตัวนั้นเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญรายแรกของเช้าวันนี้

“นี่ เจ้ากระต่ายมารับจดหมายด้วย”

“อืมม …ขอบคุณเจ้ามากเลยนะ ที่อุตส่าห์เอาจดหมายมาส่งให้ข้า” มันงัวเงียลุกขึ้นไปเปิดหน้าต่าง ก่อนจะรับเอาจดหมายฉบับนั้นมาเปิดอ่าน

“ไม่เป็นไร ข้าไปล่ะนะ” นกน้อยเอ่ยคำลา

ในจดหมายมีลายมือที่กระต่ายไม่คุ้นตา ทว่าลายมือนั้นมีความบรรจงยิ่ง ราวกับว่าผู้ส่งตั้งใจเขียนอย่างเป็นที่สุด

ถึง กระต่ายเพื่อนรัก

ข้ารู้สึกขอบคุณเจ้าเป็นอย่างยิ่ง สำหรับไมตรีที่เจ้ายอมให้ข้าชนะในเกมการแข่งขันเมื่อวานก่อน ข้าจึงอยากจะเลี้ยงฉลองชัยชนะของข้าสักหน่อย ถือเป็นการเลี้ยงตอบไมตรีของเจ้าด้วย

ป.ล. งานนี้ข้าเชิญแขกไม่มาก ก็มีเพียง นกกระสา ช้าง ม้าลาย เก้ง กวาง ชะนี หมี หมูป่า ฯลฯ

รักและห่วงใย (ในมิตรภาพ)

 เต่า

เมื่อกระต่ายได้อ่านจดหมายจบ ก็บังเกิดความคิดว่าถ้าเมื่อวานนี้เราไม่แอบไปงีบหลับใต้ต้นไม้ต้นนั้น ป่านนี้ผู้ที่จะจัดงานเลี้ยงฉลองก็คงต้องเป็นเราเป็นแน่แท้

คิดแล้วกระต่ายก็บังเกิดความอับอายที่จะออกไปสู้หน้ากับสัตว์เผ่าพันธุ์อื่น ๆ ซึ่งในวินาทีแห่งความอาดูรนั้นเอง ความคิดบางอย่างก็แวบเข้ามาในสมองน้อย ๆ ของกระต่าย

กระต่ายจึงวิ่งไปที่หน้าผา พร้อมกับตะโกนออกมาว่า “ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้ข้าได้เกิดเป็นกระต่ายอีกครั้ง”

สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งเดินผ่านมาแถวนั้นพอดิบพอดี มันกำลังหงุดหงิดด้วยโมโหหิว…

ถูกนกกระสากลั่นแกล้งเอาคืนเรื่องมื้ออาหารยังไม่พอ องุ่นเปรี้ยว ที่อยู่ระหว่างทางนั่นยังซ้ำเติมซะตากรรมให้มันอีก
[ดูรายละเอียด ในนิทานอีสปเรื่อง “นกกระสากับสุนัขจิ้งจอก” และ “องุ่นเปรี้ยว”]

‘อาหารมื้อค่ำของเราวันนี้ คงหนีไม่พ้นเจ้ากระต่ายตัวนี้เป็นแน่’ เจ้าสุนัขจิ้งจอกคิด ในขณะที่สี่เท้าก็ค่อย ๆ ก้าวเข้าไปหาเจ้ากระต่าย

“เจ้าจะไปไหน เจ้ากระต่ายน้อย มาเป็นอาหารของข้าเสียดี ๆ ” มันแยกเขี้ยวขาววาววับ

“เจ้าเลวมากนะเจ้าสุนัขจิ้งจอก นี่เจ้าคิดจะสังหารแม้กระทั่งผู้ที่กำลังจะสังหารตัวเองเชียวหรือ? ดีล่ะ…เค้าว่ากันว่าคำอธิษฐานก่อนตายนั้นศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก งั้นก่อนตายข้าก็จะขอลองดู … ข้าขอสาปให้เจ้ากลายเป็น ‘หมาป่ามนุษย์’ ทุกคืนวันเพ็ญเจ้าจะต้องกลายร่างเป็นครึ่งหมาป่าครึ่งคน ให้พวกมนุษย์เค้าตามล่าล้างพวกเจ้า … เจ้าจะได้รู้สักที…ว่าผู้ถูกล่านั้นเขามีความรู้สึกเช่นไรบ้าง” พอพูดจบ กระต่ายก็ทิ้งร่างตัวเองลงไป

นับตั้งแต่นั้นมา หน้าผาแห่งนั้นก็ถูกขนานนามว่า “ผากระต่าย”

ว่ากันว่าทุกคืนที่พระจันทร์เต็มดวง เมื่อหมาป่าตัวนั้นมองเห็นภาพกระต่ายในดวงจันทร์ มันจะกลายร่างเป็น ‘หมาป่ามนุษย์’ ทนทุกข์ทรมานยิ่งนัก

ครั้งหนึ่งเคยมีนักล่าสัตว์มาเจอมันเข้าพอดี นักล่าสัตว์เหล่านั้นหวาดกลัวมันมาก พวกเขาจึงได้ช่วยกันตามพรรคพวกมนุษย์ในหมู่บ้านให้มาช่วยกันไล่ล่ามัน อีกทั้งยังได้ขนานนาม เรียกพวกมันว่า ‘มนุษย์หมาป่า’

อ่อ… ถ้าพวกเจ้าอยากจะรู้ว่า “ผากระต่าย” อยู่ที่ไหนน่ะเหรอ ก็ไปถามตาอีสปคนนั้นดูซิ

เพราะก็คงจะมีแต่เขาเท่านั้นแหละ…ที่รู้คำตอบที่แท้จริง