อาสามาสร้างรัก : Fahren

นิยายสั้นรักโรแมนติค (Romantic)

พอถึงที่หมายเราขนของลงจัดแจงเข้าที่พัก ธรรมดาของค่ายก็แยกชายหญิงปกติครับ เรามาถึงก็เกือบเย็น มีทีมงานค่ายทำกับข้าวเย็นไว้รอพวกเราเลยครับ เรามีเวลาพักประมาณ 2 ชั่วโมงก่อนจะถึงเวลาอาหารเย็น เราจึงตัดสินใจจะไปเดินเล่นรอบๆ ก็เลยถือโอกาสชวนนาราและเพื่อนๆ ไปด้วยกันเลยครับ

“ภูเขาที่นี่สวยนะว่ามั้ย นาราชอบภูเขาหรือทะเล” ผมเริ่มชวนเธอคุยครับ

“เราชอบทั้งสองนะ เราว่ามันคนละแบบและคนละอารมณ์ ถ้าเศร้าไปทะเลก็ดีขึ้น แต่ถ้าสุขมาภูเขาก็สุขขึ้นอีกเราว่า แล้วเจมส์ละชอบแบบไหน” นาราถามกลับ

“เราชอบแบบเธออะ” ผมตอบ เธอทำหน้าตกใจเลยครับตอนได้ยินมันเข้า

“ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่นๆ เล่นมุขเฉย ก็ชงมาซะขนาดนั้น จริงๆ แล้วเราชอบทะเลเรารู้สึกสงบเวลาได้ยินเสียงคลื่น” ผมพูดจบเราก็มองหน้ากัน แล้วก็ได้สบตากับเธอครับ

เราเดินเล่นคุยกันไปสักพักก็ได้เวลาอาหารเย็น เมื่อทานอาหารเสร็จ พี่ดูแลค่ายก็จัดแจงฝ่ายในการทำงานต่างๆครับ พวกผมมาจากสถาปัตย์ก็ไปอยู่ฝ่ายศิลป์โดยปริยาย จริงๆ แล้วก็ถนัดที่สุดแหละครับทำอย่างอื่นไม่เป็นแล้ว เรา 6 คนรับผิดชอบฝ่ายนี้กันทุกคนครับ รวมทั้งผมและนารา พอแบ่งหน้าที่เสร็จสรรพก็แยกย้ากันไปนอนครับ
.
.
.

เช้าวันต่อมา ค่ายวันที่ 1

หลังจากทำธุระส่วนตัวทำอาหารเช้าเสร็จสรรพก็ได้เวลาทำงานกันครับ เราเริ่มจากการไปทาสีกำแพง ที่สามารถที่จะวาดรูปลงบนกำแพงได้เลยครับ ภารกิจผมก็เริ่มขึ้น

“วาดรูปอะไรดีอะ” ผมถามนารา

“สติทซ์มั้ย” นาราตอบ

“นาราชอบสติทซ์เหรอ เห็นพวงกุญแจก็สติทซ์ เคสก็สติทซ์ รูปวอลเปเปอร์มือถือก็สติทซ์” ผมถาม

“ใช่ๆ เราชอบที่สติทซ์แม้จะเป็นคนที่ดื้อๆ ซนๆ แต่สติทซ์ก็รักลีโลมากนะ” นาราตอบ

“แล้วนาราไม่นักใครบ้างเหรอ ไม่ตอบว่า พ่อ แม่ เพื่อน นะ” ผมต้องรีบตัดมุขครับเผื่อเธอเบี่ยงประเด็น

“รีบตัดมุขเฉยเลย โถ่ววววว เรายังไม่อยากรักใครอะเรารู้สึกกลัวที่จะมี เราเห็นหลายคนมีปัญหาแล้วเรารู้สึกเบื่อหน่ายกับมัน เราไม่อยากมานั่งร้องไห้หรือต้องมาต่อว่าผู้หญิงที่มายุ่งกับแฟนของเรา เราไม่อยากเป็นกังวลว่าเขาจะเลิกสนใจเราตอนไหน” นาราตอบ ระหว่างที่เธอตอบผมก็วาดรูปไปพรางฟังเธอตอบ

“วาดอะไรอะเจมส์” นาราถาม

“วาดสติทซ์ไง” เจมส์ตอบ

“รู้แล้วว่าสติทซ์ แต่อีกคนอะไม่เห็นเหมือนลีโลเลย” นาราถาม

“ก็เธอไง เราอยากเป็นสติทซ์ของเธอนะ แม้จะดื้อจะซน แต่ก็จะอยู่ข้างๆ เป็นเพื่อนเล่นเป็นคนที่เข้าใจลีโล เราอยากเป็นมันจริงๆ นะ อยากอยู่ตรงนั้น” ผมตอบ คำตอบของผมทำการสนทนาเงียบไปสักพักครับ เราต่างทำงานของเราไปจนเธอพูดขึ้น

“เราคิดว่าเจมส์อยากเป็นเพื่อนเราซะอีก เรารู้เรื่องของเธออยู่นะ เรากลัวตอนที่เธอเข้าหา แต่หลังจากที่เราคุยกันบนรถเราก็รู้สึกว่าเราจะเป็นเพื่อนกันได้ นี่คงจะเป็นสิ่งที่เธอต้องการ มาทำให้คนอื่นรักและก็ทิ้งเขาเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ ใช่มั้ย”
.
.
.

หลังจากพูดเสร็จเธอก็วางแปรงและเดินไปทำงานกับเพื่อนของเธอครับ ตอนนั้นผมรู้สึกหน้าชาแต่ก็อยากสร้างความมั่นใจให้เธอครับ
.
.
.
ทั้งวันต่อจากนี้เราไม่ได้คุยกันครับ แต่เราก็เดินไปด้วยกันกับกลุ่มเพื่อนในค่ายตลอด ผมรู้ว่าระหว่างเรามันรู้สึกอึดอัดครับ แต่ก็ยังพูดอะไรไม่ได้ เพราะว่าสถานการณ์ยังไม่เอื้ออำนวย ก็เลยต้องปล่อยผ่านไปก่อนสำหรับวันนี้