สโรชาหุบดอก :พลัชพา

นิยายสั้นย้อนยุค ฉากสมัยโบราณ อิงประวัติศาสตร์ (Historical/ History)

วันเวลาผ่านไปจากวันเป็นเดือนและจากเดือนเป็นปี บัดนี้ธิดาทั้งสองแห่งเจ้าเมืองเชียงตะวันเติบใหญ่เป็นสาวและมีอายุครบยี่สิบปีเมื่อสามวันที่ผ่านมา ทว่ากลับมีเรื่องน่าเศร้าเกิดขึ้นเมื่อเจ้านางตองบัวได้สิ้นอายุขัยลงจากอาการป่วยเรื้อรังที่เป็นมากว่าหกเดือน

บัวชมพูและบัวบูชาต่างก็หลั่งน้ำตาออกมาเมื่อผู้เป็นมารดาจากไป…ไม่ต่างอะไรกับเจ้าธรรมทัตที่ต้องสูญเสียชายารักไป งานศพของเจ้านางตองบัวจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมกับที่เป็นมเหสีของเจ้าเมืองเชียงตะวัน มีการเชิญเจ้าเมืองต่างๆในละแวกใกล้เคียงมาร่วมงานและหนึ่งในเจ้าเมืองทั้งหลายนั้นมี ‘เจ้าปิ่นทอง’ โอรสองค์โตของเจ้าเมืองภูคำที่มาร่วมงานนี้พร้อมกับบิดา

บัวชมพูอยู่ช่วยเจ้าธรรมทัตต้อนรับแขกเหรื่อจากต่างบ้านต่างเมืองในขณะที่บัวบูชาปลีกตัวออกจากงานเพื่อมาเดินเล่นบริเวณสวนด้านหลังวัง ที่แห่งนี้เมื่อตอนเด็กๆเจ้านางตองบัวและพระธิดาแฝดทั้งสองเคยมาเดินชมดอกไม้ป่ากันอยู่บ่อยๆ

“นั่นใครน่ะ” บัวบูชาเอ่ยเมื่อเห็นเหมือนใครสักคนเดินอยู่ด้านหน้าตน ชายคนนั้นหันกลับมามองและสบสายตากับบัวบูชาพอดี

คนผู้นั้นช่างเป็นบุรุษที่สง่างาม…บัวบูชาคิดในใจ เขามีหน้าตาที่คมเข้ม จมูกโด่งเป็นสันและดวงตาคมดุจเหยี่ยว วินาทีที่บัวบูชาสบตากับชายผู้นั้นราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวหยุดเคลื่อนไหว หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นมาทันที

“ข้าชื่อปิ่นทอง พอดีข้าเห็นว่าในงานช่างแสนวุ่นวายเลยมาเดินเล่นน่ะ” ชายคนนั้นเอ่ยแนะนำตัว

“เจ้ามาจากต่างเมืองรึ” บัวบูชาเอ่ยถาม

“ใช่”

“เจ้ามาร่วมงานนี้ได้แสดงว่าเจ้าคงจะเป็นเจ้าเมืองของเมืองไหนสักแห่งใช่หรือไม่”

“ข้ามิได้เป็นเจ้าเมืองหรอก ข้ามากับเจ้าพ่อของข้าน่ะ” ชายผู้มีนามว่าปิ่นทองตอบ บัวบูชาพยักหน้าเข้าใจก่อน

“เจ้าเป็นคนของเมืองนี้หรือ” ปิ่นทองเอ่ยถามบัวบูชา

“ใช่แล้ว” บัวบูชาตอบ

“เช่นนั้นจะรังเกียจหรือไม่ หากข้าขอให้เจ้าพาข้าเดินชมวังเชียงตะวันแห่งนี้เสียหน่อย” ปิ่นทองเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม บัวบูชาตอบตกลงทันทีที่เธอได้ยิน เธอพาเขาเดินชมสวนทั้งด้านหลังและด้านหน้าวังก่อนจะพากันกลับมาที่วัง

เมื่อมาถึงวังแล้วบัวบูชาจึงได้รู้ว่าปิ่นทองคือโอรสของเจ้าทองคำแห่งเมืองภูคำซึ่งเป็นสหายรักของเจ้าพ่อของเธอ เจ้าธรรมทัตและเจ้าทองคำเอ่ยสนทนากันโดยที่มีบัวชมพูนั่งอยู่ข้างๆบิดา บัวบูชาเดินไปนั่งที่เก้าอี้ต่อจากบัวชมพูและเจ้าปิ่นทองเองก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างๆเจ้าเมืองภูคำ การสนทนาดำเนินต่อไปเรื่อยๆโดยมีธิดาของเมืองเชียงตะวันและโอรสของเมืองภูคำเป็นหัวข้อการสนทนา เจ้าเมืองทั้งสองต่างเล่าถึงความภาคภูมิใจในตัวโอรสและธิดาของตน