โดย : นักเขียนตัวบี
ลิขสิทธิ์ : Magic Time Media & เติมฝัน (termfun.com)
ชาลีชายหนุ่มสุดฮอตฮิตประจำโรงเรียนมัธยมแห่งนี้ ชาลีเป็นชายหนุ่มที่มีรูปร่างผอมสูงและมีหน้าตาที่สุดแสนจะคมและหล่อเหลาบาดตาบาดใจของสาวๆหลายคนในโรงเรียน อีกทั้งทางบ้านของชาลีนั้นก็มีฐานะเรียกได้ว่ารวยระดับต้นๆของโรงเรียนเลยก็ว่าได้ทั้งหล่อและรวยแบบนี้ก็ไม่แปลกที่ชาลีจะเปลี่ยนสาวเดินควงในทุกวัน หญิงสาวหลายคนในโรงเรียนต่างก็ได้ใฝ่ฝันว่าอยากจะเดินจับมือกับชาลีสักครั้ง นิสัยของชาลีนั้นไม่ต้องพูดถึงเลยเรียกสั้นๆง่ายๆว่า “แบดบอย” เลยล่ะ
เช้าวันหนึ่งในขณะที่ทุกคนกำลังเข้าแถวหน้าเสาธงอยู่นั้นอยู่ๆก็ได้มีรถหรูคันหนึ่งเข้ามาจอดในโรงเรียน ทันทีที่รถหรูจอดสนิททุกคนที่กำลังเข้าแถวอยู่นั้นก็ต่างหันมามองที่รถหรูเป็นตาเดียวกัน ทันทีที่ประตูรถเปิดออกสาวๆหลายๆคนก็คงอยากจะกรี๊ดออกมาแบบสุดเสียง ซึ่งคนที่ลงมาจากรถนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนเลยซึ่งเค้าคนนั้นก็คือชาลีนั่นเอง
ทันทีที่แอนนาเห็นดังนั้นจึงรู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับชายหนุ่มรุ่นพี่คนนั้นสักเท่าไหร่เพราะแอนนาเธอเป็นคนที่ไม่ว่าจะทำอะไรทุกอย่างต้องเป๊ะ เป็นระเบียบและเคารพกฎของสังคมทุกอย่างและที่สำคัญเลยแอนนานั้นเป็นคนที่ไม่ยอมใครอะไรถูกก็ว่ากันไปตามถูกอะไรผิดก็คือผิดไม่มีคำว่าไม่ยุติธรรมสำหรับเธอ
“นี่จอยแกว่ามั้ย ไอ้ขี้เก๊กนี่ไม่เห็นจะหล่อตรงไหนเลย ทำตัวก็ผิดระเบียบไม่รู้คนอื่นชอบไปได้อย่างไง” แอนนาเธอพูดกับจอยเพื่อนสนิทของเธอ
ซึ่งเมื่อเธอหันไปหาจอยก็เห็นว่าจอยนั้นก็มองชายหนุ่มที่เธอพึ่งพูดถึงไปเมื่อครู่ด้วยสายตาอันหวานเยิ้มหยดย้อยจนแทบจะกลืนกินชายหนุ่มผู้นั้น
“นี่ ยัยจอยหันมานี่เลย” แอนนาพูด
จอยจึงหันกลับมาด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิดเพียงเล็กน้อยพร้อมกับพูดว่า
“นี่แอนนาเธอจะอคติกับพี่ชาลีของชั้นไปถึงไหน”
แอนนาไม่ตอบพร้อมกับทำสีหน้าไม่สนใจกับสิ่งที่เพื่อนสาวของเธอพูด
.
.
.
เมื่อถึงเวลาเข้าเรียนวิชาแรกนั้นแอนนาและจอยก็เดินขึ้นบันไดเพื่อที่จะขึ้นไปเรียนวิชาแรก ในระหว่างที่กำลังขึ้นบันไดอยู่นั้นก็มีกลุ่มหญิงสาวยืนล้อมรอบอยู่บริเวณบันไดจนทำให้เธอทั้งสองคนนั้นไม่สามารถขึ้นไปเรียนได้
“นี่ หลบหน่อยฉันกับเพื่อนจะขึ้นไปเรียน” แอนนาพูด
แต่ดูเหมือนสิ่งที่แอนนาพูดออกไปจะไม่มีใครได้ยินเลย แอนนาจึงสงสัยว่าคนเหล่านั้นยืนทำอะไรกันอยู่เธอจึงชะโงกหน้าไปดูก็พบกับรุ่นพี่ที่เป็นที่ต้องการของเหล่าสาวๆในโรงเรียนยืนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของสาวๆ
แอนนาเธอมองดูนาฬิกาก็เห็นว่ามันเลยเวลาเรียนของเธอมาแล้วเธอจึงทนไม่ไหวตะโกนออกไปอย่างสุดเสียงว่า
“นี่!!! พวกเธอน่ะหลบหน่อยสิ นี่มันเลยเวลาเรียนแล้วนะถ้าอยากจะบ้าผู้ชายก็ไปที่อื่นนี่มันขวางทางคนอื่นเค้า”
ทันทีที่เธอพูดจบทุกคนที่ยืนอยู่บริเวณนั้นก็หันหน้ามามองแล้วค่อยๆ ขยับออกจากบริเวณพื้นที่ตรงนั้น แต่มีอยู่คนหนึ่งซึ่งไม่คิดที่จะขยับให้เธอแต่กลับขยับตามเมื่อเธอจะเดินไปทางซ้ายทีไปทางขวาที เค้าคนนั้นก็จะขยับตามเธอ เมื่อแอนนาเธอเงยหน้าขึ้นไปก็พบว่าคนนั้นก็คือชาลีนั่นเอง เธอเห็นดังนั้นจะรู้สึกหงุดหงิดมากไปกว่าเดิมเพราะมันยิ่งทำให้เธอเสียเวลาเรียนมากยิ่งกว่าเดิม
“นี่! จะมาขวางทางทำไม หลบไป คนจะไปเรียน” แอนนาพูด
“ถ้าอยากไปเรียนก็ไปสิ ใครห้ามเธอไว้ล่ะ เป็นแค่รุ่นน้องอย่ามาขึ้นเสียงกับฉันนะ” ชาลีตอบกลับด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
แอนนาเธอได้ยินดังนั้นจึงรู้สึกโมโหแล้วผลักชาลีให้พ้นทางแล้วเธอก็รีบวิ่งไปที่ห้องเรียน ส่วนจอยเพื่อนเธอก็เดินตามมาติดๆโดยที่ยังอึ้งอยู่กับเหตุการณ์เมื่อครู่อยู่แต่ก็ต้องรีบไปเข้าห้องเรียนแบบงงๆ
ในห้องเรียนวิชาภาษาอังกฤษคุณครูพึ่งเช็คชื่อนักเรียนเสร็จแต่แอนนาและจอยพึ่งจะเดินมาถึงหน้าห้อง ทั้งสองค่อยๆเคาะประตูแล้วเดินเข้ามานั่งที่โต๊ะประจำของทั้งสอง ทันใดนั้นคุณครูประจำวิชาก็ได้เอ่ยถามขึ้นมาว่า
“นี่สองคนน่ะทำไมถึงมาเรียนสายล่ะ”
แอนนารีบตอบ “ก็พอดีตรงทางเดินบันไดมีคนขวางทางเต็มไปหมดเราเลยหาทางขึ้นไม่ได้น่ะค่ะ นี่เราสองคนก็รีบวิ่งมาอย่างไวที่สุดแล้วนะคะ”
“อื้ม ไม่เป็นไรงั้นเดี๋ยวครูค่อยเช็คชื่อให้ตอนท้ายคาบเรียนแล้วกันนะ”
.
.
.
เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงก็ถึงเวลาทานอาหารกลางวัน แอนนาและจอยจึงรีบเดินไปที่โรงอาหารด้วยความหิวโหย ในขณะที่ทั้งสองกำลังเข้าแถวต่อคิวเพื่อรอซื้ออาหารจู่ๆ ก็มีรุ่นพี่ผู้ชายกลุ่มหนึ่งแซงคิวพวกเธออย่างหน้าตาเฉย แอนนาเห็นดังนั้นจึงเดินเข้าไปหาชายหนุ่มรุ่นพี่กลุ่มนั้นแล้วพูดว่า
“นี่ พวกพี่คะเห็นมั้ยคะว่าคนอื่นเค้าต่อแถวเข้าคิวรออยู่อะค่ะ คนอื่นเค้าก็หิวเหมือนกันทั้งนั้นแหละค่ะ ช่วยทำตัวให้มันสมกับเป็นรุ่นพี่หน่อยสิคะ”
.
.
.
ทันทีที่แอนนาพูดจบก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งโวยวายขึ้นมาว่า
“นี่ เป็นแค่รุ่นน้องอย่าทำมาตัวซ่า ผู้หญิงก็ทำได้นะเว้ย ก็พวกกูเป็นรุ่นพี่พวกกูจะทำอะไรก็ได้เป็นรุ่นน้องหัดเจียมตัวไว้บ้างนะ”
แอนนาเธอได้ยินดังนั้นจึงรู้สึกโกรธเป็นอย่างมากยังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรก็มีชายหนุ่มรุ่นพี่คนหนึ่งเดินเข้ามาในบริเวณนั้นนั่นก็คือชาลีนั่นเอง ทันทีที่ชาลีเดินมาถึงเค้าก็ได้ตวาดชายหนุ่มกลุ่มนั้นอย่างสุดเสียงว่า
“นี่ พวกแกไม่เห็นหรอว่าคนอื่นเค้ารอคิวกันอยู่น่ะ หึ!แล้วนี่จะทำร้ายผู้หญิงหรอ เป็นตุ๊ดป่าววะ พวกแกรีบไสหัวไปเลยนะ”
ทันทีที่ชาลีพูดจบชายหนุ่มกลุ่มนั้นก็รีบเดินออกไปทันทีคงเป็นเพราะไม่อยากมีเรื่องกับชาลีนั่นแหละ ใครๆก็ไม่อยากมีเรื่องกับชาลีเพราะทุกคนในโรงเรียนนี้รู้ว่าชาลีนั้นมีเส้นสายมากเพียงใดไม่ว่าจะทั้งในโรงเรียนและนอกโรงเรียนและพ่อแม่ของชาลีนั้นยังเป็นผู้ที่มีอิทธิพลอยู่ในบริเวณนั้นอีกด้วย
จอยกระซิบที่ข้างหูของแอนนาว่า
“นี่แก พี่ชาลีโคตรเท่เลยอ่ะ แกว่ามั้ย”
แต่แอนนาก็ไม่ได้ตอบกลับอะไรไป แอนนาหันหน้าไปหาชาลีแล้วพูดขอบคุณชาลี แต่ชาลีก็ตอบกลับมาด้วยคำพูดที่ทำให้แอนนารู้สึกผิดที่ขอบคุณผู้ชายคนนั้นไป
“นี่เธอไม่ต้องมาขอบคุณฉันหรอกนะ ฉันไม่ได้ทำเพื่อเธอหรอกแต่ฉันทำเพื่อสาวๆ ของฉันที่ยืนเข้าแถวต่อคิวอยู่ข้างหลังนั่นต่างหากล่ะ” เมื่อชาลีพูดจบเค้าก็เดินออกไปอย่างสง่าโดยมีสาวๆยืนกรี๊ดกร๊าดให้กับความเท่ของชาลีเมื่อครู่อยู่
ในเย็นวันนั้นแอนนากลับไปถึงบ้านแล้วทำกิจวัตรตามปกติแบบที่เคยทำในทุกวันแล้วก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นเธอจึงรีบเดินไปรับสายซึ่งคนที่โทรมาหาเธอนั้นไม่ใช่ใครที่ไหนนั่นก็คือจอยเพื่อนของเธอนั่นเองเมื่อเธอรับสายจอยก็พูดขึ้นมาว่า
“นี่ แอนนาเพื่อนรักจ๋า การบ้านวันนี้ทำเสร็จหรือเพื่อน ฉันขอลอกหน่อยสิ ฉันทำไม่เป็นน่ะ”
“นี่ฉันว่าแล้วแกโทรมาคงมีแค่เรื่องเดียวนั่นแหละเสร็จแล้ว เดี๋ยวฉันจะถ่ายรูปส่งไปให้ดูก็แล้วกันแต่แกก็พยายามทำเองก่อนนะตรงไหนไม่เข้าใจจริงๆก็ค่อยดูของฉันแล้วกันนะ” แอนนาพูด
จอยรีบตอบกลับไปในทันทีว่า “โอเคเลยค่ะคุณเพื่อน แต่วันนี้ฉันไม่ได้จะมาคุยกับแกแค่เรื่องการบ้านหรอกนะ แต่จะมาคุยเรื่องพี่ชาลีด้วยน่ะ วันนี้พี่แกโคตรเท่เลยเนอะตอนที่พี่เค้าช่วยแกไว้น่ะ”
“เดี๋ยวนะเค้าช่วยฉันไว้ตอนไหนแกอย่ามามั่ว ถ้าแกจะพูดเรื่องไอ้ขี้เก๊กคนนี้นะฉันไปทำอย่างอื่นดีกว่า ชิ” แอนนารีบวางสายเพื่อตัดบทเพื่อนสาวไม่ให้พูดถึงชายหนุ่มที่ตนนั้นไม่ค่อยชอบขี้หน้าสักเท่าไหร่
.
.
.
เมื่อถึงเวลาที่เรียนเสร็จทุกวัน แอนนากับเพื่อนสาวก็ต้องแยกย้ายกันกลับบ้าน จอยจะมีพ่อคอยมารับอยู่ที่หน้าโรงเรียนส่วนแอนนานั้นจะต้องขึ้นรถประจำทางกลับบ้านเองตลอด เพราะพ่อกับแม่ของเธอไม่มีเวลาว่างที่จะมารับเธอได้
ในระหว่างที่เธอกำลังยืนรอรถประจำทาง ซึ่งป้ายรถจะอยู่ถัดจากหน้าโรงเรียนไปได้สักห้าร้อยเมตรซึ่งวันนั้นเธอก็ยืนรอรถอยู่คนเดียว ทันใดนั้นกลุ่มรุ่นพี่เมื่อตอนกลางวันก็พากันเดินเข้ามาหาเธอแล้วพยายามจะลากเธอออกจากบริเวณตรงนั้นแต่เธอพยายามขัดขืนไม่ยอมไปและร้องเรียกให้คนมาช่วยเธอแต่ตรงนั้นก็ไม่มีผู้ใหญ่อยู่เลย มีแต่เด็กๆอยู่ซึ่งก็ไม่มีใครกล้ายุ่งกับกลุ่มนี้ทุกคนก็ทำได้เพียงแค่ยืนมอง แต่แล้วเธอก็มีความโชคดีหลงเหลืออยู่บ้างเพราะมีรถคันหนึ่งผ่านมาพอดีและจอดตรงนั้นทันใดนั้นประตูรถก็เปิดออก ชาลีเดินลงมาจากรถแล้วตรงไปที่สายหนุ่มกลุ่มนั้นแล้วคว้ามือของแอนนาแล้วดึงออกมาจากกลุ่มนั้นพร้อมกับพูดว่า
“นี่พวกแกอย่ามายุ่งกับผู้หญิงคนนี้อีกนะ ถ้าฉันรู้ว่าพวกแกยังมายุ่งอีกล่ะก็ พวกแกเดือนร้อนแน่”
ทันทีที่พูดจบเค้าก็จูงมือเธอขึ้นรถไปแล้วเอ่ยปากถามแอนนาว่า
“นี่เธอเป็นอะไรมากหรือเปล่า พวกนั้นมันได้ทำอะไรเธอหรือเปล่า ”
“ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันจากพวกนั้นน่ะ” แอนนาตอบ
“เธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ฉันไม่ชอบเหมือนกันที่พวกนั้นชอบทำตัวใหญ่และรังแกคนอื่น ว่าแต่บ้านเธออยู่ที่ไหนล่ะ เดี๋ยวฉันไปส่ง”
แอนนาตอบ “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันลงที่ป้ายรถข้างหน้าก็ได้ค่ะ”
“เป็นไรหรอก เดี๋ยวเพื่อนพวกนั้นมันตามเธอมา เดี๋ยวฉันไปส่งนี่แหละ”
แอนนาจึงยอมบอกทางว่าบ้านของเธออยู่ที่ไหน เมื่อถึงหน้าบ้านก่อนที่เธอจะลงจากรถนั้นเธอก็ได้กล่าวขอบคุณชาลีอีกครั้ง
“ขอบคุณนะคะรุ่นพี่” แอนนาเธอพุดพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนๆ ให้กับชาลี
.
.
.
เมื่อชาลีได้เห็นยิ้มนั้นของแอนนามันก็ทำให้หัวใจของชาลีเต้นผิดจังหวะไปโดยที่ไม่รู้ตัวและเผลอยิ้มตามออกมา เมื่อชาลีกลับมาถึงบ้านก็กลับมาครุ่นคิดอยู่แต่กับรอยยิ้มที่เค้านั้นไม่เคยได้เห็นรอยยิ้มแบบนั้นออกมาจากใบหน้าของแอนนาเลย ชาลีรู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นมันช่างอ่อนหวานและแสดงถึงความจริงใจซึ่งมันแตกต่างจากทุกวันที่เธอไม่เคยยิ้มให้ใครเห็นเลย ชาลีเริ่มรู้สึกว่าตนนั้นตกหลุมรักให้กับรอยยิ้มนั้นเสียแล้ว
.
.
.
เช้าวันต่อมาชาลีก็ตื่นแต่เช้าซึ่งผิดปกติจากในทุกวัน เค้ารีบมุ่งหน้าไปที่บ้านของแอนนาเพื่อที่จะรับเธอไปโรงเรียนด้วยเค้าจอดรถรอแอนนาออกมาจากบ้าน เมื่อเค้าเห็นแอนนากำลังเดินออกมาจากบ้านเค้าจึงรีบลงจากรถแล้วมุ่งตรงไปหาแอนนาแล้วพูดกับเธอว่า
“วันนี้ฉันมารับเธอน่ะ”
แอนนาซึ่งยังงงว่าเหตุใดชาลีถึงต้องมารับเธอ เธอจึงถามชาลีไปว่า
“ทำไมต้องมารับฉันหรอคะรุ่นพี่ มีอะไรหรือเปล่า”
“อ่อ ก็เดี๋ยวพวกนั้นมันมาดักรอเธอไง ไปรีบขึ้นรถเถอะ”
แอนนาก็เดินตามชาลีขึ้นรถไปแบบงงงวย เมื่อรถแล่นออกไปแอนนาเธอก็นั่งนิ่งโดยที่ไม่ได้พูดอะไร ส่วนชาลีก็แอบมองแอนนาอย่างเอ็นดู ชาลีพยายามถามไถ่แอนนาเพื่อที่จะได้สนิทสนมกันเร็วขึ้น ส่วนแอนนาก็เริ่มรู้สึกได้ว่าชาลีกำลังสนใจเธออยู่ ซึ่งเธอไม่เคยได้รับรู้ถึงความรู้สึกของการโดนจีบเลยเธอจึงรู้สึกเขินจนแก้มของเธอนั้นเริ่มแดง
.
.
.
เมื่อถึงโรงเรียนคนขับรถก็เดินไปเปิดประตูให้ชาลีและเมื่อชาลีลงจากรถสาวๆ ต่างก็จ้องมองมาที่ชาลีด้วยสายตาที่ราวกับจะกลืนกิน แต่เมื่อชาลีชาลียื่นมือจับให้หญิงสาวรุ่นน้องลงมาจากรถสาวๆ พวกนั้นถึงกับเปลี่ยนสีหน้าในทันทีเพราะที่ตรงนั้นสาวๆ หลายๆ คนใฝ่ฝันที่จะได้นั่งมัน
จอยเพื่อนสนิทของแอนนาเห็นว่าแอนนามากับชาลีจึงรีบวิ่งเข้ามาหาแอนนาด้วยความสงสัยแต่ก็ยังไม่ได้ถามอะไร จนรอให้เดินห่างจากชาลีมาแล้วเธอจึงถาม
“นี่ อย่างไงยะ ไหนเธอบอกว่าไม่ค่อยชอบขี้หน้าพี่ชาลีของฉันไงยะ แล้วไหงวันนี้ถึงมากับพี่เค้าได้ล่ะ”
ทันใดนั้นแอนนาจึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้แก่จอยเพื่อนสนิทของเธอฟัง เมื่อจอยได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดก็รู้ได้ทันทีว่าชาลีรุ่นพี่สุดฮอตประจำโรงเรียนนั้นตกหลุมรักเพื่อนสาวของเธอเข้าแล้ว
.
.
.
ในวิชาพละของวันนั้นจอยและแอนนาก็ได้เล่นบาสกันอยู่สองคนจู่ๆ ก็มีมือชายหนุ่มมาแย่งลูกบาสไปจากมือของแอนนาซึ่งเธอก็ตกใจเล็กน้อย แต่เมื่อเธอมองไปที่หน้าของชายหนุ่มคนนั้นเธอกลับตกใจมากกว่าเดิมแพราะชายคนนั้นก็คือชาลีนั่นเอง ชาลีเอ่ยทักทายแอนนาด้วยท่าทีที่แสนจะดูสนอกสนใจแอนนาเป็นอย่างมาก
“เล่นบาสเป็นมั้ย ถ้าไม่เป็นเดี๋ยวพี่สอนเล่นเอามั้ย” ชาลีพูดพร้อมกับยิ้มออกมา
ส่วนแอนนาและจอยก็เขินไปตามๆ กัน ซึ่งทั้งสามคนก็เล่นบาสด้วยกันจนหมดเวลาเรียน
.
.
.
ในเย็นวันนั้นชาลีก็อาสาไปส่งแอนนาที่บ้านซึ่งแอนนาก็ไม่ได้ขัดอะไร และหลังจากนั้นชาลีก็ได้เดินหน้าตามจีบแอนนาอยู่สักระยะหนึ่ง และแอนนาก็รู้สึกว่าตนนั้นก็เริ่มมีใจให้กับชาลีเข้าแล้ว เพราะชาลีนั้นเป็นคนที่ภายในนั้นอ่อนโยนมากดูแลเทคแคร์และคอยเอาใจใส่เธอในทุกสถานการณ์ จนทำให้ความสัมพันธ์ของแอนนาและชาลีก็เริ่มพัฒนาขึ้นไปตามลำดับ โดยที่ชาลีนั้นจะคอยไปรับไปส่งแอนนาที่บ้านในทุกวันและในวันหยุดบางทีชาลีก็จะไปเยี่ยมเยียนพ่อแม่ของแอนนา พร้อมกับซื้อของไปฝากและซื้ออาหารไปทำกินกันที่บ้าน
.
.
.
ส่วนหญิงสาวในโรงเรียนนั้น ต่างก็อิจฉาแอนนาที่ได้กลายเป็นเจ้าหญิงของชาลี โดยที่ชาลีนั้นสลัดคราบของความเจ้าชู้ออกโดยหมดสิ้นและกลับมาเป็นคนดีและตั้งใจเรียนมากกว่าเดิม
.
.
.
ชาลีดูแลแอนนาเป็นอย่างดี ปกป้องแอนนาได้ในทุกสถานการณ์ ทั้งคู่รักกันตั้งแต่มัธยมจนตอนนี้ทั้งคู่เรียนจบปริญญาตรีแล้ว ชาลีก็ทำงานที่บริษัทของพ่อแม่ตน ส่วนแอนนานั้นก็ได้มาเป็นเลขาของชาลีที่บริษัทนั้น
.
.
.
และได้แต่งงานกันในที่สุด