Site icon เติมฝัน (TermFun) | อ่านนิยายสั้นออนไลน์ฟรี

พบรักในกองถ่าย : มะลิ

โดย : มะลิ
ลิขสิทธิ์ : Magic Time Media & เติมฝัน (termfun.com)

สวัสดีค่ะ ฉันชื่อน้ำหวาน ฉันเป็นนักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ ที่เพิ่งเรียนจบมาหมาดๆ ตอนที่เพิ่งเรียนจบมาต้องขอบอกเลยว่าฉันพยายามหางานดีๆที่บริษัทใหญ่ๆแล้วแต่มันยากเหลือเกิน จนเมื่อรุ่นพี่ได้แนะนำงานในกองถ่ายหนังในให้ และหน้าที่ของฉันในงานก็แค่คอยช่วยฝ่ายต่างๆยกน้ำ ยกของ ตอนแรกฉันก็ไม่ได้สนใจอะไรเพราะฉันเห็นว่ามันเป็นงานที่ใครก็สามารถทำได้นี่ฉันเพิ่งเรียนจบมาใหม่ๆเลยนะ น่าจะได้งานที่ดีกว่านี้ แต่ความคิดฉันก็ต้องเปลี่ยนไปเพราะบริษัทดีๆที่ฉันไปสมัครงานไว้ ไม่มีที่ไหนเรียกฉันเลย ฉันจึงตัดสินใจตอบตกลงงานในกองถ่ายกับรุ่นพี่ของฉันไป

โดยวันแรกที่ฉันเริ่มงานในกองถ่าย ทุกอย่างมันช่างดูน่าตื่นเต้น มีดารานักแสดงที่ฉันเคยได้แต่ดูผ่านในโทรทัศน์ วันนี้ฉันกลับได้มาเห็นตัวเป็นๆ แล้วฉันก็เริ่มหน้าที่แรกในกองถ่ายหนังของฉัน โดยรุ่นพี่บอกให้ฉันยกอุปกรณ์ประกอบฉากต่างๆพวก กล้อง สายไมค์ เก้าอี้ มันอาจจะดูเหมือนงานง่ายๆ ใช่ไหมคะ แค่ยกของไปมา แต่มันเหนื่อยมาก ทุกอย่างมันหนัก แถมของบางอย่างก็ต้องขนย้ายอย่างระวังเป็นพิเศษอย่างเช่น ตัวกล้องของผู้กำกับ ทั้งวันของฉันทำอยู่อย่างนั้นวนไปมา ฉันจึงเริ่มรู้สึกเบื่อและคิดที่จะลาออก แต่ความคิดนั้นก็ต้องหายไปเมื่อระหว่างที่ฉันกำลังพักเที่ยงอยู่นั้น ฉันก็ได้เจอกับ วิน วินดาราหนุ่มสุดหล่อที่ฉันชอบงานแสดงของเขามากๆ ฉันเป็นแฟนคลับตัวยงของเขาเลยก็ว่าได้ วันนั้นเขาอยู่ใกล้ตัวฉันมากอย่างกับในฝัน และตอนนั้นเองที่ฉันคิดว่า ถึงงานจะเหนื่อยมากแค่ไหนฉันก็จะทนไว้ เพราะอย่างน้อยแค่ได้เห็นหน้าวินฉันก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

แต่และแล้ววันที่ทำให้ฉันต้องเหนื่อยจริงๆก็มาถึง ระหว่างที่ฉันกำลังยกไมค์ ไปให้รุ่นพี่ฉันอีกคน ฉันก็เผลอทำไมค์หล่น เพราะระหว่างเดินตาของฉันมันไม่ได้มองทางเลย มันมองแต่วิน และก็เรียบร้อยเพราะด้ามไมค์มันหัก ตอนนั้นฉันโดนรุ่นพี่เรียกไปด่าอย่างหนัก เพราะฉันซุ่มซ่าม ฉันรีบขอโทษรุ่นพี่ไปและบอกกับรุ่นพี่ว่า จะไม่มีเหตุการณ์แบบขึ้นอีกแน่นอน เคลียร์กับรุ่นพี่จบฉันก็กลับไปทำงานต่อ แต่วันนั้นทั้งวันมันไม่มีความสุขไปแล้วหนะสิคะ เพราะฉันโดนด่าไปหูชาขนาดนั้น เมื่อถึงเวลาพักฉันก็แยกออกมายืนรับลมอยู่คนเดียวพร้อมถอนหายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แล้วฉันก็ได้ยินเสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมา

“อย่าคิดมากเลยนะครับ”วินพูดกับฉันพร้อมส่งยิ้ม ใช่ค่ะฟังไม่ผิด วินที่เป็นดาราที่ฉันชอบมายืนพูดกับฉันอยู่ตรงนี้ ฉันตื่นเต้นมากเลยรีบตอบวินกลับไปว่า

“ขอบคุณค่ะ” ฉันตอบเขาไปสั้นๆแค่นี้เลย เพราะตื่นเต้นจนพูดอะไรไม่ออก

“ตัวไมค์ตัวนั้นมันซ่อมได้นะครับ เอาเป็นว่าคุณไม่ต้องคิดมากไปก็แล้วกัน ผมไปก่อนนะครับ” พูดจบเขาก็เดินหายไป ทิ้งให้ฉันยืนตื่นเต้นต่ออยู่คนเดียว

หลังจากนั้นความนอยด์ของฉันก็หมดไป ฉันกลับมาร่าเริงและพร้อมลุยงานต่ออย่างเต็มที่ ฉันทำงานในหน้าที่เด็กขนของในกองถ่ายอยู่อีกประมาณอาทิตย์ จนเมื่อเหตุการณ์ที่เลวร้ายก็ได้เกิดขึ้นอีกครั้ง วันนั้นขณะที่ฉํนกำลังยกของประกอบฉากอยู่ ฉันก็ดันเดินสะดุดกับสายไฟในกองเข้าเต็มๆทำให้ฉัน ล้มหน้าขมำอยู่ตรงนั้นเลย ถ้าการล้มของฉันมันแค่เจ็บตัวก็ไม่มเป็นไรหนะสิคะ แต่อุปกรณ์ประกอบฉากที่ฉันขนมาด้วย มันพัง คราวนั้นฉันโดนรุ่นพี่ด่าจนหูชา กับความโก๊ะแถมยังซุ่มซ่ามของฉัน จนรุ่นพี่ต้องเปลี่ยนหน้าที่ของฉันให้มาเป็นคนดูแลนักแสดงแทน เพราะหน้าที่นี้ไม่ต้องทำอะไรมาก ไม่ต้องยกอะไรหนักๆไปมา แค่เป็นคนคอยกางร่มให้นักแสดง ยกน้ำมาเสิร์ฟก็เท่านั้น แต่เรื่องไม่คาดคิดก็เกิดเพราะขึ้นนักแสดงที่รุ่นพี่ให้ฉันไปคอยดูแลก็คือวิน ดาราที่ฉันชอบหนะสิคะ ตอนนั้นจะว่าดีใจก็ดีใจแต่ก็หนักใจไม่น้อยเหมือนกันเพราะกลัวว่าฉันจะไปทำอะไรซุ่มซ่ามๆจนทำให้ วิน ต้องรำคาญ

และก็ถึงเวลาที่ฉันจะต้องเปลี่ยนหน้าที่มาดูแลนักแสดงแทน ฉันเดินเข้าไปหาวิน พร้อมร่มหนึ่งคันท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุ ฉันยิ้มทักทายเขาไปหนึ่งครั้งและเข้าไปกางร่มให้เขาทันที ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า ยิ่งพอได้มายืนมองวินใกล้ๆแบบนี้ ความหล่อของเขาก็ดูมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว  และเมื่อวินเข้าฉากหนึ่งจบ ฉันก็ต้องไปยกน้ำมาเสิร์ฟให้กับวินต่อ ตอนนั้นเองที่บทสนทนาของวินและฉันก็เริ่มขึ้น

“เอาน้ำมาให้ผม แล้วคุณหละไม่ดื่มบ้างหรอ” เขาถามฉันพร้อมส่งแก้วน้ำมาให้

“ไม่เป็นไรค่ะ เดี่ยวฉันเดินไปหยิบเอง” ฉันตอบเขาไปพร้อมหน้าที่เริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อเขาดื่มน้ำเสร็จก็ไปเข้าฉากต่อ โดยระหว่างที่ยืนรอเขาเข้าฉากแดดร้อนมาก เหงื่อฉันแตกไปหมด แต่ก็ต้องอดทนไว้เพราะร่มที่ฉันถือมันต้องกางให้แค่นักแสดงอย่างเดียว และในตอนนั้นเองที่อยู่ดีๆวิน ก็เอื้อมมือมาและดันร่มมาฝั่งฉันครึ่งนึง พร้อมพูดว่า

“แดดร้อนขนาดนี้คุณไม่ร้อนบ้างหรือไง เอานี่แบ่งกัน”

“ไม่เป็นไรค่ะคุณวิน ฉันไม่ร้อนหรอกค่ะ” พูดจบฉันก็ดันร่มกลับไปทางเขาเหมือนเดิม

ไม่ทันไรที่วินเขาก็เอามือหันร่มทางฉันอีกรอบ และพูดว่า

“คนละครึ่งกันเถอะ เชื่อผมหน้าคุณเริ่มแดงขึ้นเพราะแดดแล้ว” เขาพูดกับฉัน ตอนนั้นฉันอยากจะบอกเขามากว่า ฉันคิดว่าที่หน้าฉันแดงคงไม่ใช่เพราะแดดหรอกค่ะ คงเป็นเพราะเขาเนี่ยแหละมาทำดีกับฉันจนฉันเขินไปหมด

และหลังจากวันนั้นดูเหมือนทั้งฉันและเขาก็เริ่มที่จะทำความรู้จักกันมากขึ้น เพราะช่วงเวลาพักเรามักจะคุยกันเสมอ และเขาก็พูดขึ้นมาว่า

“ดูๆไปแล้วผมว่าเรา น่าจะอายุใกล้กันนะ เรามาพูดแบบธรรมดากันเถอะ ผมขอเรียกชื่อคุณแทนแล้วกัน ว่าแต่คุณชื่อว่าอะไรคุยกันมาตั้งนานผมยังไม่รู้ชื่อคุณเลย” เขาถามฉัน

“ชื่อน้ำหวานค่ะ” ฉันตอบเขาไป

“โอเคน้ำหวาน เราไปพักเที่ยงกินข้าวกันเถอะผมหิวแล้ว” พูดจบเขากับฉันก็เดินไปกินข้าวในกองถ่ายพร้อมกัน

โดยฉันฉันแยกมากินข้าวกับรุ่นพี่ที่เป็นช่างแต่งหน้า ทันใดนั้นรุ่นพี่ก็พูดกับฉันว่า

“น้ำหวานแกกับคุณวินนี่มันยังไงกันแน่” รุ่นพี่ถามฉัน

“ยังไงอะไรกันเจ้ ก็ปกติหนิ” ฉันตอบเธอไป

“อะไรที่มันปกติกันย่ะ ดาราที่ไหนจะมาสนิทกับเด็กในกองถ่ายเหมือนแกกับวินกัน ฉันว่าเขาต้องคิดอะไรกับแกแน่” เธอพูด

“บ้านะเจ้ เขาเป็นดารานะ จะมาคิดอะไรกับฉันได้ยังไง” ฉันตอบไปเพราะคิดว่าสิ่งที่รุ่นพี่พูดมันเป็นไปไม่ได้

หลังจากพักเที่ยงเสร็จฉันก็กลับไปทำงานกับวินต่อ จนมาถึงเวลาเลิกงานฉันก็เก็บของแล้วเดินออกมาจากกอง เพื่อจะกลับบ้านปกติ ระหว่างที่ฉันกำลังเดินไปหา     วินมอ’ไซต์อยู่นั่นเอง วินก็ขับรถมาจอดข้างๆฉั นและถามฉันว่า

“น้ำหวานจะกลับยังไง”

“ว่าจะเรียกพี่วินแถวๆนี้ ให้ไปส่งหนะค่ะ” ฉันตอบเขาไปพร้อมส่งยิ้ม

“ไม่ต้องเรียกหรอก กลับกับผมดีกว่าเห็นรุ่นพี่น้ำหวานบอกผมว่าบ้านเราอยู่ทางเดียวกัน” ตอนนั้นเองที่ฉันคิดว่าแล้วทำไมเขาจะต้องไปถามรุ่นพี่ฉันด้วยว่าบ้านฉันอยู่ไหน

“ไม่เป็นไรดีกว่าค่ะ ฉันเกรงใจแล้วมันก็จะดูไม่ดีนะคะ” ฉันบอกเขากลับไป

“อะไรไม่ดีกันหละคุณ ทางเดียวกันก็กลับด้วยกันลดโลกร้อนได้ด้วยนะรู้ไหม” เขาพูดพลางหัวเราะ

หลังจากเขายื้อให้ฉันกลับบ้านด้วยอยู่นาน ฉันก็ใจอ่อนยอมขึ้นรถเขาไป ตอนนั้นเขาและฉันนั่งรถกลับบ้านด้วยกันไประหว่างทางเราคุยกันไปอย่างสนุกสนาน ไม่รู้ทำไมทุกครั้งที่เราคุยกันมันจะต้องรู้สึกดีเสมอ เขาเป็นกันเองกับฉันมากจนบางทีที่ฉันก็เกือบลืมไปเลยว่าเขาคือดาราดัง วันนั้นเขามาส่งฉันถึงบ้านอย่างเรียบร้อย

เช้าวันรุ่งขึ้นฉันก็มาทำงานที่กองถ่ายปกติแต่ที่ไม่ปกติ ก็คือทำไมคนในกองถ่ายเอาแต่มองฉันกันหนักหนา ทุกคนมองมาที่ฉันและทำหน้าไม่เป็นมิตรหนัก และรุ่นพี่ฉันก็เดินเข้ามาหาฉันและเรียกฉันไปคุยด้วยเป็นการส่วนตัว

“ตกลงแกกับวินนี่ยังไงกันแน่ แค่ทำงานด้วยกันจริงหรอ” เธอถามฉันอีกครั้ง

“ก็ใช่ไงเจ้ ทำไมมีอะไรใช่ไหม” ฉันถามไปเพราะเริ่มรู้สึกไม่ดี

“ก็ตอนนี้คนในกองเขาเม้าท์แกกันว่าแกแอบ มีความสัมพันธ์กับวินหนะสิ” ได้ฟังอย่างนั้นฉันตกใจมาก

“ว่าแล้วเชียวทำไมทุกคนมองฉันแปลกๆ มันไม่มีอะไรจริงแจ้ๆวินเขาก็แค่คงจะเห็นใจฉันเฉยๆ” ฉันตอบรุ่นพี่ไป

“งั้นช่วงนี้ฉันว่าแกก็ ห่างๆกับวินหน่อยละกัน คนอื่นเขาจะได้ไม่เข้าใจแกผิด” เมื่อคุยกับรุ่นพี่จบ ฉันก็กลับมาทำงานกับวินเหมือนเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ ฉันเริ่มทำตัวห่างกับวิน ไม่ได้คุยกันมากเหมือนเมื่อก่อน จนวินถามกับฉันมาว่า

“น้ำหวานวันนี้เป็นอะไรไปหรือป่าว ทำไมดูเงียบๆแปลกๆ”

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”ฉันตอบเขาไปและทำงานต่ออย่างเงียบๆ

จนเมื่อถึงเวลาพักเที่ยงวินก็เรียกฉันออกไปคุยด้วย ตอนนั้นฉันคิดอยู่ว่าจะไปดีไหมเพราะเดี่ยวถ้าฉันไปยืนคุยกับเขาสองต่อสอง คนในกองก็จะคิดว่าฉันพยายามอ่อยเขาอีก แต่ฉันก็ต้องไปเพราะเขายืนรอฉันอยู่สักพักนึงแล้ว เมื่อฉันไปถึงวินก็พูดขึ้นมาทันทีว่า

“มีใครในกองว่าอะไรคุณใช่ไหม”

“ป่าวหนิคะ ไม่ได้มีอะไร” ฉันปฎิเสธเขาไป

“นี่น้ำหวานผมรู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไง แต่ทำไมคุณต้องไปแคร์คำพูดของคนอื่นด้วย ผมเป็นดาราแล้วยังไง ผมจะมีคุณเป็นเพื่อนไม่ได้หรอ คุณรู้ใช่ไหมว่าหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่ผมได้แสดง ตอนแรกผมทั้งเครียดทั้งกังวลว่าจะเล่นได้ดีไหม จนผมได้มารู้จักกับคุณ คุณคือคนเดียวในกองถ่ายนี้ที่ผมสามารถคุยด้วยได้อย่างสบายใจ การได้พูดคุยกับคุณมันทำให้ผมไม่กังวลเรื่องงานมากจนเกินไป” ได้ฟังวินพูดจบฉันก็รู้สึกผิดทันทีที่ก่อนหน้านี่ทำตัวเย็นชาใส่เขาเพียงแค่เพราะโดนคนอื่นนินทา

“ฉันขอโทษนะคะ ฉันไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นเลย” ฉันพูดพลางทำหน้าเศร้า

“ไม่เป็นไรหรอก เอาเป็นว่าเรากลับมาคุยกันเหมือนเดิมได้แล้วนะ” เขาพูดพลางส่งยิ้มมาให้ฉัน

หลังจากครั้งนั้นฉันและเขาก็กลับมาทำงานด้วยกันและพูดคุยกันอย่างสนุกสนานเหมือนปกติ จะว่าไปเราสนิทกันมากขึ้นด้วยซ้ำจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ฉันกินข้าวเที่ยงพร้อมวิน กลับบ้านพร้อมวิน โดยที่ไม่สนคำนินทาว่าร้ายจากใครในกองเลย จนมาถึงวันสุดท้ายของการถ่ายทำหนัง แต่ในวันนั้นวินกลับไม่ได้มากองถ่ายเหมือนปกติ ฉันไม่รู้เลยว่าทำไมเขาถึงไม่มา เขาไม่ได้บอกอะไรกับฉัน แถมช่องทางการติดต่อระหว่างฉันกับเขาก็ไม่มีอีกด้วย วันนั้นกองถ่ายปิดกล้องกันไปโดยที่ไม่มีวิน

ฉันก็กลับบ้านเหมือนปกติ แต่วันนี้ฉันต้องนั่งวินมอ’ไซค์กลับมาเอง หลังจากปิดกล้องไป เวลาก็ผ่านมาหลายวัน วันนั้นเองที่ฉันเปิดโทรทัศน์ดูข่าว และฉันก็ได้เจอกับข่าวที่ทำเอาฉันตกใจมาก โดยข่าวนั้นเล่าว่า นักแสดงชายดาวรุ่งอย่างวิน แอบมีความสัมพันกับเด็กยกของในกองถ่าย จนเป็นข่าวฉาว เมื่อฉันได้ดูข่าวนั้นจบทำเอาฉันช็อคจนพูดอะไรไม่ถูก หลังจากดูข่าวนั้น ฉันก็ไม่ค่อยได้ออกจากบ้านเลยหลายวัน

จนมีวันนึงที่ อยู่ดีๆก็มีคนมากดกริ่งเรียกฉันจากหน้าบ้าน เมื่อฉันเดินออกไปดูก็พบกับวิน วินยืนกดกริ่งหน้าบ้านฉันอยู่ ฉันรีบวิ่งออกไปเปิดประตู้ให้เขาอย่างเร็วเพราะกลัวว่าจะมีใครมาเห็นเขาเข้า เดี่ยวจะเป็นข่าวขึ้นมาอีก วินเข้าบ้านฉันมาและพูดว่า

“ไม่ได้เจอกันหลายวันเลยนะน้ำหวาน”

“ค่ะ ว่าแต่ทำไมวันนั้นคุณไม่ไปทำงานวันปิดกล้องหละคะ จะหายไปคุณก็ไม่บอกฉันสักคำ คิดจะไปก็ไปแล้ววันนี้คุณคิดจะมาก็มา” ฉันพูดไปพลางเริ่มโกรธเขา

“นี่คุณงอนผม หรือคิดถึงผมกันแน่เนี่ย” วินพูดพร้อมหัวเราะเล็กๆ

“จะบ้าหรือคะ ว่าแต่คุณได้ดูข่าวบ้างหรือป่าว” ฉันถามเขา

“ข่าวนั้นนะหรอ ผมรู้ตั้งแต่ก่อนปิดกล้องแล้ว วันปิดกล้องผู้จัดการผมเลยไม่ให้ผมไปกองไงหละ”

“แล้วคุณจะทำยังไงคะ” ฉันถามเขาด้วยความเป็นห่วง

“จะทำอะไรหละ มันเป็นเรื่องจริงไม่เห็นต้องทำอะไร” เขาตอบฉันหน้าตาเฉย

“เรื่องจริงอะไรกันคะ” ฉันถามเขากลับไป

“ก็เรื่องจริงที่ผมชอบเด็กในกองถ่ายอย่างคุณยังไงหละ” ฉันตกใจกับสิ่งที่เขาพูดแต่คำพูดของเขาก็ทำให้หัวใจฉันพองโตขึ้นอย่างบอกไม่ถูก

“อะไรหนะคะ”

“ตั้งแต่วันแรกที่ผมได้เจอคุณ ผมก็คิดว่าผู้หญิงคนนี้น่ารักดีจริงแถมยังโก๊ะๆ อีกด้วย พอผมได้เริ่มรู้จักคุณก็พบว่าคุณนิสัยดี แถมยังคอยอยู่ข้างผมเวลาผมเครียดอีก มันเลยทำให้ผมชอบคุณไงหละน้ำหวาน แล้วผมก็รู้ด้วยนะว่าคุณก็คิดแบบเดียวกันกับผม” เขาพูด

“แล้วคุณจะทำยังไงคุณเป็นดารานะ เรื่องนี้อาจจะทำให้คุณเสียงชื่อเสียงได้เลย” ฉันพูด

“ดาราแล้วยังไง ดาราก็มีหัวใจดารารักใครไม่ได้หรอครับ แล้วเรื่องข่าวคุณไม่ต้องเป็นห่วง มันไม่ใช่ข่าวที่เลวร้ายอะไร ผมมีความรักนะไม่ได้ไปฆ่าคนตาย มันไม่ทำให้ผมเสียชื่อเสียงหรอก เอาเป็นว่าเราเลิกคุยเรื่องนี้แล้วมาพูดถึงเรื่องของเรากันดีกว่า” เขาพูดพร้อมเดินเข้ามาใกล้ฉัน

“เรื่องของเราอะไรกันคะ” ฉันถามเขาพลางอมยิ้ม

“ไหนๆเราก็คิดเหมือนกัน มีความรู้สึกดีๆให้กันแล้ว เรามาลองคบกันนะน้ำหวาน”เขาพูดพลางจับมือฉันไว้

ตอนนั้นฉันไม่คิดนานเลยค่ะ ฉันตอบตกลงไปทันที

และในหลังจากนั้นเองที่วินก็ไม่ใช่แค่ดาราดังสำหรับฉันอีกต่อไป เพราะวันนี้เขากลายเป็นแฟนที่แสนน่ารักของฉันแล้ว

Exit mobile version