ที่แจ่มชัดในความพร่าเลือน :  ต้นชา

นิยายสั้นแนวชีวิต ดราม่า (Drama)

โดย : ต้นชา
ลิขสิทธิ์ : Magic Time Media & เติมฝัน (termfun.com)

บั๊ดดี้ตายแล้วเมื่อวานนี้ตอนเช้า…

เธอมองดูกรงรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าอันว่างเปล่าที่วางชิดรั้วบ้านขณะเดินลงบันไดมาจนถึงชานพัก รู้สึกวูบโหวง หม่นหมอง เมื่อคิดถึงภาพหมาพันทางสีดำปลอดเพศเมียที่แสนสงบเสงี่ยม แม้ในยามหิวก็เพียงแต่ยืนจ้องมองดูเจ้าของด้วยสีหน้าเรียบเฉย ต่อเมื่อมีใครสักคนเทอาหารใส่ลงในจานดินเผาของมันแล้ว จึงค่อยและเล็มกินเข้าไปอย่างไม่เร่งร้อน

พอเท้าแตะบันไดขั้นสุดท้าย พลันสายตาของเธอก็สะดุดกับจานข้าวของบั๊ดดี้ที่วางบนพื้นกรวดบริเวณนั้น ชิ้นเค้กรูปสามเหลี่ยมสีเขียวอ่อนมีไส้ครีมขาวคั่นเป็นเส้นกึ่งกลางวางอยู่บนจานใบนั้นสองชิ้นในสภาพดี ภาพที่เห็นทำให้เธอเข้าใจได้ในทันที และรู้สึกอ่อนใจในนิสัยบริโภคแบบขาดสติแทบทุกเรื่องของสมาชิกคนหนึ่งในบ้านซึ่งเป็นน้องชายของเธอเอง หรือว่า…เขาอาจจะเกิดมาเพื่อเป็นในแบบที่เป็น เธอตั้งคำถามกับตนเอง

ในวัยแรกเกิดของลูกๆ ทุกคน เขาคือคนที่น่าเอ็นดูน้อยที่สุด เพราะผิวคล้ำมากกว่าใคร นัยน์ตาโต หัวก็โต ตอนนั้นพ่อกับแม่เริ่มระหองระแหงกันแล้ว ซึ่งเธอเชื่อว่าเป็นเพราะพ่อยังไม่พร้อมจะเป็นหัวหน้าครอบครัวมากเท่ากับการเป็นครูชายที่หลงใหลกีฬาอย่างฟุตบอล ตะกร้อ และมวยไทย รวมทั้งความสำเริงสำราญกับมวลมิตรสหายและผู้หญิง แม้ว่าพ่อมั่นใจในตัวแม่และตัดสินใจเลือกแม่แล้วก็ตาม

ด้วยเพราะเหตุนี้ ทั้งที่แม่รันทดใจหนักหนากับพฤติกรรมด้านลบของเขาที่ได้รับรู้ร่วมกันทั้งบ้าน แต่แม่ก็ยังแบ่งใจให้เหตุผลว่า เพราะเขาคือลูกที่เกิดมาในภาวะอารมณ์ของแม่ที่เริ่มขัดแย้งกับพ่อ และค่อยทวีความรุนแรงมากขึ้นตามวันเวลา

“พ่อแกน่ะไม่เคยสนใจบ้านช่องหรอก โรงเรียนเลิกมาค่ำลงก็หาย ไปเตะตะกร้อมั่งเตะบอลมั่ง มีงานรำวงก็ไปอยู่แต่หน้าเวทีนั่นแหละ ลูกเมียจะเป็นไงไม่เคยเป็นห่วงเป็นใย” แม่บอกเล่าพฤติกรรมของพ่อที่ลูกๆ ไม่อยากได้ยิน แต่ก็ยังได้ยินมาหลายต่อหลายครั้ง

เธอมั่นใจว่า เช้าวันใหม่ของคนในบ้านจะปลอดโปร่งและสดใสมากที่สุดหากได้ตัดบางเรื่องราวที่เกี่ยวกับน้องชายคนนี้ออกไป คล้ายกับตอนเด็กๆ ที่พี่น้องเล่นซ่อนหากัน แล้วถึงตอนหนึ่งที่ทุกคนต่างพากันหนีเขาเข้าไปในห้องนอน เพื่อหลบเลี่ยงอารมณ์โกรธฉุนเฉียวของเขาซึ่งบางครั้งทำให้มีบางสิ่งในมือที่พร้อมใช้ทำร้ายกันด้วย อย่างเช่นก้อนหินหรือเศษไม้

 “มันโมโหร้ายนะเจ้านี่ ไม่พอใจยายขึ้นมายังด่ายายเลย” แม่เล่า

ความสัมพันธ์ระหว่างลูกๆ กับพ่อเปราะบางและห่างเหินมากยิ่งขึ้นเมื่อพ่อหย่าขาดจากแม่ในปีที่เก้า หลังจากมีลูกด้วยกันสี่คน โดยเฉพาะน้องชายทั้งสองที่พ่อไม่เคยแสดงออกว่าใส่ใจในเรื่องใดเป็นพิเศษ เธอเชื่อว่า นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เขาขาดความหนักแน่นทางอารมณ์ ถวิลหาความรักความอบอุ่น กับใช้ชีวิตอย่างเสรี และด้วยความที่ครอบครัวค่อนข้างขัดสน ในฐานะพี่คนโต เธอจึงต้องเป็นผู้ปกครองของเขาด้วยตั้งแต่เขาเรียนต่อสายอาชีพขณะที่เธอเรียนจบและหางานทำในกรุงเทพฯ

เธอเดินเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว เมื่อดึงบานประตูปิด ก็เห็นราวแขวนผ้าที่มีกางเกงและเข็มขัดของเขาห้อยระโยงระยาง บ่งบอกว่า เจ้าของกางเกงตัวนั้นกลับเข้าบ้านในยามที่ทุกคนหลับไหล

เขาเป็นคนเดียวในบ้านที่ใช้ชีวิตราวกับสำลักอิสรภาพ แม้ถึงขั้นตกลงปลงใจแต่งงานกับสาวคนหนึ่งเพื่อให้แม่ดีใจที่คิดลงหลักปักฐาน กลับกลายเป็นว่า ยังไม่ทันถึงสองปีทั้งคู่ก็หันหลังให้กันโดยสิ้นเชิง ด้วยเหตุผลคือ ไปด้วยกันไม่ได้ทั้งที่ยังมีตัวเลขหนี้สินโยงใยกันอยู่