ดอกไม้ชายทาง : นางฟ้าแดนใต้

นิยายสั้นรักโรแมนติค (Romantic)

“ยายตองเห็นว่าสวยดีขากลับจากพักผ่อนที่บางแสนครั้งนั้นเลยแวะลงเก็บเมล็ดมาปลูก ตอนแรกที่แม่เห็นมันไม่ได้สวยแบบนี้นะ หรือเพราะคนปลูก ปลูกด้วยใจก็ไม่รู้ ต้นไม้และดอกไม้เลยแข่งกันสวย… เหมือนจิตใจคนปลูก”

“ครับ” น้ำเสียงและแววตายามนี้ไม่แข็งกร้าวอย่างเคยเมื่อแม่เอ่ยชื่อของผู้หญิงที่ชื่อตองหนึ่ง

ทุกเช้าเขาจะเห็นเด็กผู้หญิงรุ่นเดียวกันกับเขา รดน้ำต้นไม้และทุกวันหากมีเวลาว่างเธอมักจะหมกมุ่นอยู่กับพวกต้นไม้ โดยที่มีแม่ของเค้าเห็นชอบด้วย แต่ตอนนี้เขาไม่เห็นการกระทำแบบนั้นมาหลายเดือน… เธอไปไหน เขาไม่อาจเปิดปากถามใครและไม่มีใครเอ่ยถึงผู้หญิงที่เขาเคยด่าหยาบคายอีกเลย

“ลูกพร้อมจะไปอังกฤษหรือยัง” นางวางแพลนไว้ หากลูกชายร่างกายพร้อมจะส่งให้ไปศัลยกรรมแผลเป็นบนใบหน้าให้กลับมาเหมือนเดิม

“ยังครับ”

“ทำไมละ”

“อยู่แบบนี้แหละ ไม่ว่าจะหล่อหรือรวย หากคนที่จริงใจจะคบหากับเราเขาก็จะไม่ไปไหนและรับได้ในสิ่งที่เราเป็น”

“หากลูกคิดแบบนั้นได้แม่ก็ดีใจ”

“ครับ ไว้ให้ผมเดินได้ปกติเมื่อไหร่ ผมจะเข้าไปช่วยทำงานในบริษัทคุณแม่ครับ”

“เป็นความคิดที่ดีมากเลยลูก” นวลทิพย์โผล่เข้าสวมกอดลูกชายด้วยความตื้นตันและดีใจ

นวลทิพย์ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะในห้องประชุม รีบซับน้ำตาที่เอ่อหล้นหน่วยตาอย่างอดไม่ได้ เธอจ้องมองลูกชายคนเดียวที่มีความคิดอ่าน โตพอพร้อมจะเป็นผู้นำในชุดสูทสีฟ้าเทา แม้ใบหน้ายังมีรอยแผลเป็นให้เห็นแต่ก็ไม่อาจทำให้ความหล่อที่มีอยู่ลดน้อยลงแต่อย่างใด

“สวัสดีครับ” เขายกมือไหว้ผู้อาวุโสในห้องที่นั่งด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“อิฉันขอแนะนำผู้บริหารบริษัทคนใหม่ นายมนัสวิน อินทลักษณ์ ให้กับหุ้นส่วนทุกคนรู้จักอย่างเป็นทางการนะคะ”

นวลทิพย์วัย 56ปีซึ่งพร้อมที่จะวางมือจากงานทุกอย่างยืนขึ้นและแนะนำมนัสวินกับทุกคนในห้องประชุม ชายหนุ่มโค้งศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อแสดงความนอบน้อมและเป็นกันเอง เขาจึงได้รับรอยยิ้มตอบกลับจากทุกคน

การประชุมผ่านไปด้วยดี ไม่มีหุ้นส่วนคนไหนคัดค้านในการแต่งตั้งผู้บริหารหนุ่มคนใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อน เพราะทุกคนคิดว่าคนเก่งได้ ต้องมาจากศูนย์ มีเริ่มก็ต้องมีการเรียนรู้และพัฒนากันได้ อีกทั้งคนหนุ่มไฟแรงอาจคิดการณ์ไกลและนำพาให้บริษัทก้าวหน้ายิ่งกว่าเดิม โดยมีมารดาเป็นคนหนุนหลังและผลักดัน

“นี่ห้องทำงานลูกนะ” นางแบมือไปยังโต๊ะทำงานที่มีป้ายชื่อของมนัสวินอยู่ตรงหน้า

“แม่มั่นใจแล้วหรือครับ” เขาถามน้ำเสียงทีเล่นทีจริง

“แม่นะ แม่ไม่ค่อยมั่นใจลูกนะ แต่แม่มั่นใจผู้ช่วยของลูกมากกว่า” นางเอ่ยด้วยใบอิ่มเอิบและยิ้มขันอยู่ในที

“อ้าวแม่…” ประโยคแรกทำให้เขาใจฝ่อ แต่ก็ไม่ได้จริงจังกว่าประโยคที่มารดาเอ่ยตามมา “ว่าแต่ใครครับผู้ช่วยผม”

“ลูกรู้จักผู้ช่วยของลูกดี หลายเดือนมานี้ เขาทำงานช่วยแม่ได้เยอะ และได้ดีมากๆ”

“ถึงขนาดนั้นเลยหรือครับ” มนัสวินไม่อยากเชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อเพราะมารดาหากได้ชื่นชมใครจนออกนอกหน้า คือคนคนนั้นมีดีตามที่นางบอกแน่นอน

ก๊อก ก๊อก

สองแม่ลูกหยุดสนทนาและหันมองไปตามเสียงที่ดังมาจากประตูไม้สักที่แกะสลักไว้อย่างปราณีพร้อมกัน

“เข้ามาเลยจ๊ะ” นวลทิพย์เอ่ยอนุญาตเหมือนรู้ว่าภายนอกประตูนั้นคือใคร ก่อนจะเดินไปนั่งบนโซฟาหนังสีน้ำตาลที่อยู่อีกมุมใกล้กัน โดยปล่อยให้ลูกชายยืนนิ่งเป็นหุ่นจ้องมองหญิงสาวที่เข้ามาใหม่อยู่ตรงจุดเดิม

หญิงสาวในชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าน้ำทะเลกระโปรงพลิ้วยาวเลยเข่าโชว์เรียวขาขาวเนียนเสลาสวมรองเท้าคัชชูสีดำสูง3นิ้ว โดยมีเสื้อสูทตัวสั้นแขนยาวสีขาวสวมทับ แน่นให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของรูปร่างชัดเจน อีกทั้งใบหน้าที่แต่งแต้มไว้ด้วยเครื่องสำอางอย่างพองาม เน้นให้ใบหน้ายาวรีรูปไข่สวยสะดุดตาและน่ามอง

“สวัสดีค่ะคุณนวลทิพย์ คุณมนัสวิน” หญิงสาวที่มีรอยยิ้มและน้ำเสียงสดใสทักทายอย่างเป็นปกติเช่นเคย หากแต่ผู้ชายคนเดียวในห้องถึงกับเซถอยหลัง สะโพกชนขอบโต๊ะแล้วใช้มือช่วยค้ำยันเพื่อพยุงตัวเองไม่ให้ทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น เมื่อรู้สึกหัวใจเต้นแรงผิดจังหวะจนต้องสูดเอาอากาศภายในห้องช่วย

“สวัสดีหนูตอง เป็นไงวันนี้… ฉันรบกวนเวลางานของเธอหรือเปล่าจ๊ะ”

“อุ๊ย! ไม่เลยค่ะ ตองรับทำหน้าที่ด้วยความเต็มใจ”