Site icon เติมฝัน (TermFun) | อ่านนิยายสั้นออนไลน์ฟรี

ซ่อนหา : PakGa

โดย : PakGa
ลิขสิทธิ์ : Magic Time Media & เติมฝัน (termfun.com)

ตึง! ตึง! ตึง! ตึง!

“พลอย!! แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าวิ่งในบ้าน!”

แอด~ ปัง!!

“แม่ไม่ต้องมาว่าหนูเลยนะ เพราะแม่นั่นแหละ หนูจะไปโรงเรียนสายอยู่แล้วทำไมแม่ไม่เข้าไปปลุก” ว่าแล้วเด็กสาวก็วิ่งออกจากบ้านไป

พลอยเป็นเด็กสาว ม.ปลายที่เรียนอยู่ในโรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่ง พลอยอาศัยอยู่ที่บ้านไม้ชั้นเดียว บ้านของพลอยไม่ได้อยู่ห่างจากโรงเรียนมากนัก ทำให้สามารถเดินไปโรงเรียนได้ แต่ถึงจะบ้านไกลนักเรียนก็คงต้องปั่นจักรยานไปโรงเรียนเอง เพราะแถวนี้เป็นแถบชานเมืองแถมตัวโรงเรียนก็ตั้งอยู่บริเวณที่ไม่มีรถประจำทางผ่าน

ระหว่างที่พลอยกำลังวิ่งอยู่นั้นเธอก็เห็นส้มที่ปั่นจักรยานมาด้วยความรีบร้อน ส้มที่เห็นพลอยเหมือนกันก็ได้จอดให้พลอยขึ้นมาซ้อนท้าย แล้วส้มก็ปั่นจักรยานตรงไปที่โรงเรียน

ทั้งสองพากันมาถึงโรงเรียน “ขอบคุณนะส้มถ้าฉันไม่ได้แกช่วยไว้ ฉันต้องมาสายแน่ ๆ” พลอยกล่าวขอบคุณ

“ไม่เป็นไรๆ” ส้มที่หอบอยู่ข้างจักรยานก็ได้โบกมือแล้วกล่าวตอบรับ

“ฟู่~ ไปกันเถอะอีก 7 นาทีจะได้เวลาเข้าแถวแล้ว” ว่าแล้วส้มก็หมุนตัวพลอยไปอีกทาง แล้วผลักให้เดินไปข้างหน้า

“ว่าแต่แกเถอะ ทำไมวิ่งหน้าตั้งมาโรงเรียนอย่างนั้นล่ะ ตื่นสายอีกใช่ไหม ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ” ส้มกล่าวด้วยน้ำเสียงขบขัน

“ว่าแต่ฉันแกก็ตื่นสายเหมือนกันนั่นแหละ” พลอยว่าด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนัก

ทั้งสองพากันเดินตรงไปที่เข้าแถว ระหว่างทางที่เดินไปนั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของสองสาวเพื่อนรักในบรรดาเพื่อนในห้อง พลอยและส้มจะสนิทกันมากที่สุด เนื่องจากทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ตอนเรียนชั้นประถมก็อยู่โรงเรียนเดียวกัน ห้องเดียวกันแล้วก็เป็นอย่างนี้มาตลอดจนถึง ม.ปลาย อีกทั้งพ่อแม่ของทั้งสองยังรู้จักกันอีกด้วย
.
.
.

ช่วงเวลาตอนเช้าก็ผ่านไปเรื่อยๆ จนมาถึงคาบวิชาแนะแนว ที่ดูเหมือนว่าวันนี้ครูแนะแนวจะป่วยและไม่มีครูมาเข้าแทน ทำให้คาบนี่กลายเป็นคาบว่างไปโดยปริยาย ทุกคนในห้องก็ต่างพากันจับกลุ่มคุยเม้าท์มอยกันไป ไม่เว้นแม้กระทั่งกลุ่มของพลอยและส้ม

“นี้ๆ พวกแกเคยได้ยินเรื่องเล่าเรื่องการละเล่นของโรงเรียนเราไหม” ฝ้ายสาวสวยปากร้ายขัดกับหน้าตาเอ่ยขึ้น

“การละเล่นอะไร??” พลอยถามด้วยความสงสัย

“การละเล่นซ่อนหาครับ มันเป็นเรื่องเล่าของโรงเรียนเราครับ” กันต์หัวหน้าห้อง ดีกรีเด็กเรียนดีประจำชั้นพูดขึ้น

“หึ เรื่องไร้สาระ เรื่องแบบนั้นก็คงมีใครสักคนแต่งขึ้นมา ใครเชื่อก็ปัญญาอ่อนแล้ว” เต๋าหนุ่มล่ำเลือดร้อนพูดขึ้นอย่างรู้สึกรำคาญ

นอกจากส้มแล้วพลอยก็ยังมีกลุ่มเพื่อนที่สนิทอยู่อีก ซึ่งประกอบไปด้วย ฝ้ายและเต๋าที่ยืนเถียงกันอยู่ โดยมีกันต์ยืนเป็นนายห้ามทัพ แล้วยังมีดินหรือเรนนี่หนุ่มหล่อใจสาว และปูเป้สาวเงียบปากร้ายที่นั่งมองเพื่อนทั้งสองที่ทะเลาะกันอยู่

“แล้วจะบอกฉันได้รึยังว่าไอ้การละเล่นซ่อนหาเนี้ย กลายมาเป็นเรื่องเล่าของโรงเรียนเราได้ยังไง” ทันทีที่พลอยพูดขึ้นทุกคนก็อ้าปากค้างหันมามองที่เธอทันที ไม่เว้นแม้แต่ส้ม

“อ่อ คือว่านะพลอย มันมีเรื่องเล่าอยู่ว่า เมื่อก่อนเคยมีนักเรียนที่นี่เล่นซ่อนหากัน แล้วอยู่ๆ ก็มีนักเรียนคนหนึ่งได้หายตัวไป ไม่มีใครรู้ว่านักเรียนคนนั้นเป็นหรือตาย แล้วยังว่ากันต่อมาว่าถ้าใครเล่นซ่อนหาในโรงเรียนจะต้องมีคนหายไปหนึ่งคน แต่ก็มีหลายบอกว่ามันเป็นเรื่องหลอกเด็กที่พวกครูเขาแต่งขึ้นมาหลอกนักเรียน เพราะเมื่อก่อนแถวนี้เป็นป่า ถ้าเด็กไปเล่นอะไรแบบนี้เข้าจะพากันหลงป่าเอานะครับ” กันต์เอ่ยตอบข้อสงสัยของพลอย พลอยที่ได้ยินที่กันต์เล่าก็ได้แต่พยักหน้า

“แต่ที่ฉันพูดเรื่องนี้ ฉันหมายถึงวิธีการเล่น” ฝ้ายเอามือกอดอกแล้วพูดขึ้น

“วิธีเล่นอะไรของแกฝ้าย” ปูเป้ถามฝ้ายด้วยความสงสัย

“วิธีแรกก็แบบที่หัวหน้าเล่านั่นแหละ เล่นซ่อนหาเหมือนที่เล่นทั่วๆ ไป  ส่วนอีกวิธีก็คือ ต้องมีผู้เล่นเจ็ดคนให้ทุกคนจับมือกันแล้วก้าวถอยหลัง 3 ก้าว แล้วจากนั้นให้หลับตาแล้วพูดพร้อมกันว่า ‘จะซ่อนหรือจะหา มาเล่นด้วยกัน’ จากนั้นค่อยๆ ลืมตา แล้วก็ปล่อยมือออกจากกัน” ฝ้ายพูดอธิบายขึ้นมาเพื่อตอบข้อสงสัยของเพื่อนทุกคน

“ทั้งเจ็ดคนจับมือกันอยู่ แล้วจะรู้ได้ไงว่ามีใครบ้างที่ต้องซ่อน แล้วใครเป็นคนหา” ดินถามขึ้นทันทีหลังจากที่นั่งฟังฝ้ายอธิบายเสร็จ

“เขาบอกว่าทุกคนจะรู้เองว่า ใครซ่อนใครหาหลัง จากทำตามวิธีนั้นเสร็จแล้วครับ”  กันต์กล่าวตอบคำถามของดินไป

“ไร้สาระ แล้วแกจะเอาเรื่องนี้มาพูดทำไม” เต๋าพูดขึ้น

“ดีมากที่ถาม มาเล่นกัน” ฝ้ายพูดแล้วยกยิ้มที่มุมปากอย่างนึกสนุก

เมื่อสิ้นเสียงฝ้ายทุกคนในกลุ่มก็ได้ส่ายหัวปฏิเสธ ฝ้ายที่เห็นดังนั้นก็ไม่ยอม จึงเกิดสงครามขนาดย่อมขึ้น แล้วในที่สุดเต๋าก็หมดความอดทนกับการเอาแต่ใจของฝ้าย

“ถ้าแกอยากเล่นก็เล่นไปคนเดียวเถอะฝ้าย คนอื่นเขาไม่เอาด้วยก็อย่ามาบังคับ” เต๋าพูดตำหนิฝ้าย

เมื่อฝ้ายได้ยินเต๋าพูดดังนั้น เธอก็พูดโต้เถียงกันไปจนทำให้เพื่อนคนอื่นในกลุ่มเหนื่อยใจ ก็เลยยอมที่จะตามใจฝ้ายเพื่อเป็นการตัดความรำคาญ

“งั้นเอาเป็นว่าตอนเย็นหลังเลิกเรียนทุกคนไปเจอกันใต้ตึกสอง” ปูเป้พูดสรุปการนัดหมาย

“ไม่ได้หรอกครับ” กันต์พูดขัดขึ้น “ตามกฎการเล่นต้องเริ่มวันอาทิตย์ตอนตี 5 เท่านั้นแล้วก็ต้องเริ่มที่โรงเรียนนี้เท่านั้นครับ”

“บ้าเหรอ!! ตี 5 ไม่ไหว ๆ ” ทันทีที่ดินพูดจบด้วยเสียงแหลมสูงอันเป็นเอกลักษณ์ พลอยกับส้มก็มองหน้ากันแล้วพยักหน้าเห็นด้วยกับดิน

“น่านะ ฉันขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวแล้วฉันจะไม่ขออะไรอีกเลย” ทุกคนที่ได้ยินฝ้ายพูดก็ได้แต่ถอนหายใจ

“แล้วแกจะเข้าโรงเรียนยังไง” ปูเป้ถามอย่างเหนื่อยใจ

“ปีนรั้วไง ยากตรงไหน” ฝ้ายพูดขึ้นแล้วยักไหล่ราวกับเรื่องที่ทำเป็นเรื่องเล็กน้อย

“แกจะเล่นให้ได้เลยใช่ไหม” ปูเป้ถามอย่างเบื่อหน่ายกับการกระทำของฝ้าย “ใช่” ฝ้ายตอบเสียงใส

“งั้นก็วันอาทิตย์นี้ตี 4 ครึ่ง เจอกันที่ข้างรั้วโรงเรียนนะครับ เราจะเริ่มการละเล่นตอนตี 5 ใต้ตึกสองตามนี้นะครับ” เมื่อกันต์พูดสรุปทุกคนก็ได้พยักหน้าเป็นการรับรู้ แล้วต่างพากันแยกย้ายไปนั่งที่ของตัวเองเพื่อรอเรียนคาบต่อไป
.
.
.

นับตั้งแต่การพูดคุยในครั้งนี้จบลง ก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องการละเล่นอีกเลย ทุกคนต่างใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ มีพบปะเมาท์มอยเรื่องคนอื่นบ้างเป็นธรรมดา เวลาก็ผ่านไปเรื่อย ๆจนมาถึง…

วันอาทิตย์ เวลา 4.00 น.

พลอยลุกขึ้นจากเตียงมากดเปิดมือถือดู เมื่อเห็นว่าตอนนี้เป็นเวลาตี 4 แล้ว เธอจึงลุกขึ้นมาแต่งตัว วันนี้พลอยรู้สึกใจสั่นแปลก ๆ แต่จะบอกว่าวันนี้ก็ไม่ถูกเพราะเธอรู้สึกกังวลมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วต่างหาก นั้นจึงทำให้ทั้งคืนเธอไม่ได้นอนเลย เมื่อเธอแต่งตัวเสร็จพลอยก็ค่อย ๆย่องออกจากบ้านไป

แอด~ กึก~

พลอยเปิดและปิดประตูด้วยความระวัง ระหว่างที่เธอยื่นหันหน้าเข้าหาประตูอยู่นั้นเธอก็ได้ยินเสียงบางอย่างเข้า

“พอ.. พลอ… พลอย…” เสียงเบาที่ได้ยินนั้นกำลังเรียกชื่อของพลอยอยู่ ทันทีที่เสียงนั้นชัดขึ้นพลอยก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างอยู่ข้างหลังเธอ ทันใดนั้นก็มีมือมาจับที่ไหล่ของพลอย

“อ๊าก!! นะโมๆ ๆ ๆ อย่ามาหลอกมาหลอนกันเลย” พลอยพนมมือตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว

“ไอ้พลอย ฉันเองส้ม” ทันทีที่พลอยได้ยินประโยคนี้ เธอก็รีบหันหลังกลับไปมองแล้วพบว่าเป็นส้มเพื่อนซี้ของเธอจริง ๆ

“ไอ้ส้ม!!”

“ชู่ว~ เบาสิแก อยากให้แม่แกตื่นมาแพ่นกบานรึไง” ส้มเอามือปิดปากพลอย แล้วชะเง้อมองเข้าไปในบ้านของพลอยเพื่อสำรวจดูว่ามีใครตื่นหรือไม่

“แกมาเงียบๆ ฉันก็ตกใจสิ” พลอยจับมือที่ปิดปากของเธออยู่ออกแล้วพูดขึ้น จากนั้นจูงมือส้มเดินออกไป
.
.
.

พลอยและส้มพากันเดินมาจนถึงที่นัดหมาย เมื่อมาถึงที่นัดพลอยก็เจอกับเพื่อนทุกคนที่ยืนคอยอยู่ข้างรั้ว

“เข้าไปกันเถอะแก โรงเรียนตอนฟ้ายังมืดมันหลอนๆ ยังไงก็ไม่รู้” ดินพูดขึ้นพร้อมทำท่าทางหวาดกลัว ซึ่งก็ดูไม่เข้ากับขนาดตัวและหน้าของดินเลยสักนิด

เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนก็เริ่มพากันปีนรั้วเข้าโรงเรียนไป โดยที่เต๋าปีนขึ้นไปนั่งอยู่บนรั้วแล้วค่อยดึงเพื่อนขึ้นไปบนรั้วทีละคน พอเพื่อนทุกคนอยู่ในเขตโรงเรียนหมดแล้วเต๋าก็กระโดดตามลงมา แล้วทั้งเจ็ดก็พากันเดินเข้าไปในโรงเรียนโดยมีเป้าหมายที่ใต้ตึกสอง
.
.
.

ภายในโรงเรียนเงียบสงัด ภายในโรงเรียนมืดแทบจะมองไม่เห็นทางข้างหน้า แต่ทั้งหมดก็พากันเดินมาจนถึงตึกสอง ทั้งหมดจึงพากันเดินเข้าไปใต้ตึก

เมื่อมาถึงจุดหมาย ทุกคนจึงพากันยืนเรียงกันแล้วจับมือกันแล้วก้าวถอยหลัง 3 ก้าว แล้วค่อยๆ ปิดเปลือกตาลง

“จะซ่อนหรือจะหา มาเล่นด้วยกัน” ทันทีที่ทั้งเจ็ดคนพูดจบก็พลันเกิดไอเย็นชวนขนลุก บรรยากาศที่อึมครึมอยู่ก็ดำนิ่งลงไปลึกกว่าเดิม ทันใดนั้นพลอยก็รู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะดังอยู่ในหัว เสียงหัวเราะนั้นทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ เธอรู้สึกว่าเสียงหัวเราะนั้นมันเย็นๆ ไม่เหมือนกับคนปกติทั่วไป

ทั้งเจ็ดคนได้ปล่อยมือจับกันอยู่ออกแต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักอย่าง ได้แต่พากันมองหน้าไปมา ยิ่งสร้างความกดดันให้กับทั้งกลุ่มเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

“ไหนบอกว่าหลังจากทำจบแล้วจะรู้เองไงว่าใครเป็นคนซ่อนคนหา” เต๋าก็พูดขึ้นด้วยความหงุดหงิด

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ก็เขาเล่ากันมาอย่างนั้น” ทั้งกลุ่มที่ได้ยินกันต์พูดอย่างนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจ

“เอาเถอะยังไงก็แค่เรื่องเล่า รีบออกจากโรงเรียนกันเถอะ” ปูเป้พูดแล้วเดินนำทั้งกลุ่มไปที่รั้วที่พากันปีนเข้ามา

“ไป ๆ ๆ ๆ แยกย้าย ใครก็ไม่รู้ทำให้เสียเวลา” ฝ้ายที่ได้ยินเต๋าพูดอย่างนั้น ได้แต่อ้าปากค้างแล้วชี้หน้าเต๋าอย่างพูดไม่ออก

ทุกคนในกลุ่มก็ได้พากันแยกย้ายกลับบ้านเพื่อไปใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ

แต่ในหัวพลอยก็ยังคงคิดถึงเสียงหัวเราะนั้นอยู่ตลอดเวลา ยิ่งพลอยคิดถึงมันเท่าไรเธอก็ยิ่งเกิดความกลัวมากขึ้น

พลอยได้สะบัดหัวตัวเองแรงๆ แล้วเอามือทั้งสองข้างตบหน้าตัวเองเพื่อเป็นการเรียกสติ แล้วพลอยก็กลับบ้านไปคงดำเนินชีวิตประจำต่อ
.
.
.

หลังจากมื้อเย็นวันนี้ พลอยก็กลับเข้าห้องแล้วเอนตัวนอนลงบนเตียง ทันทีที่พลอยเอนตัวนอนลงก็มีเสียงเด้งข้อความดังขึ้นมาจากมือถือของเธอ พลอยลุกขึ้นหยิบมือถือเปิดดู พบว่าเป็นข้อความกลุ่มจากปูเป้ ทันทีที่พลอยเปิดดูเธอก็ตกใจเป็นอย่างมาก ข้อความที่ปูเป้ส่งมานั้นบอกว่า

“มันมาแล้ว! มันเจอเราแล้ว! รีบซ่อนซะ! รีบจับมันเร็วเข้า!” แต่ยังที่ไม่ทันหายตกใจก็มีเสียงข้อความของฝ้ายเด้งเข้ามาในกลุ่ม

หลังจากนั้นข้อความจากคนในกลุ่ม ที่คิดว่าปูเป้ส่งข้อความมาแกล้งได้ตามมาอีกมากมาย แต่หลังจากข้อความนั้นก็ไม่มีข้อความจากปูเป้ตอบกลับมาอีกเลย
.
.
.

เช้าวันรุ่งขึ้นพลอยก็ตื่นไปโรงเรียนตามปกติ แต่วันนี้ปูเป้ไม่มาโรงเรียน ซึ่งทุกคนในกลุ่มก็ไม่ได้คิดอะไรมาก ทุกคนก็ได้แต่คิดว่าปูเป้คงไม่สบาย ต่างก็ได้ดำเนินชีวิตไปตามปกติ
.
.
.

หลังเลิกเรียนพลอยก็เดินกลับบ้านคนเดียว วันนี้ส้มมีธุระกับครอบครัวเลยแยกไปทำธุระต้องทิ้งพลอยให้กลับบ้านคนเดียว ระหว่างที่พลอยกำลังเดินอยู่นั้นก็มีข้อความกลุ่มเด้งขึ้น

“จับได้แล้วอีกหนึ่ง”

พลอยที่เห็นข้อความของกันต์ก็ตกใจมาก เพราะด้วยนิสัยของกันต์แล้ว กันต์ไม่มีทางล้อเล่นแน่ๆ แล้วไหนจะเป็นข้อความแปลกๆ ที่ดูท่าว่ากันต์จะไม่ได้เป็นคนพิมพ์เองอีก ทันใดนั้นพลอยก็คิดถึงหัวเราะในวันนั้น
.
.
.

ในดึกคืนนี้เอง พลอยก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อแม่ของปูเป้และกันต์ ทั้งสองครอบครัวโทรมาในเรื่องเดียวกัน เรื่องที่ว่านั้นคือ ปูเป้และกันต์ได้หายตัวไปไม่มีใครติดต่อได้

สิ้นสุดสายพลอยก็ได้ทิ้งตัวลงนอนอย่างหมดแรง ตอนนี้ในหัวของเธอตีกันวุ่นไปหมด ข้อความกลุ่มก็เด้งรัว ๆ ทุกคนในกลุ่มต่างวุ่นวายกับการหายตัวไปของเพื่อนทั้งสอง อยู่ ๆพลอยก็เหมือนได้ยินเสียงบางอย่าง

“การละเล่นเริ่มขึ้นแล้ว…”

วันรุ่งขึ้นทุกคนก็ไปโรงเรียนตามปกติ แต่จากกลุ่มเจ็ดคน ตอนนี้เหลือเพียงห้าคน วันนี้ทั้งวันทุกคนในกลุ่มไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลยได้เพียงแค่เหลือบมองหน้ากันบ้างบางครั้ง สายตาของทุกคนเต็มไปด้วยความสงสัย หวาดกลัว กังวล ผสมปนเปกันไปหมด
.
.
.

ในตอนเย็นทั้งห้าคนก็ไม่ได้พากันแยกย้ายกลับบ้านอย่างปกติ แต่ทุกคนยังนั่งอยู่ในห้อง แล้วทั้งห้องตอนนี้ก็เหลือเพียงพวกเขาทั้งห้าคน

“ตอนนี้มันเกิดอะไร!! มันเกิดอะไรขึ้นวะแก” ฝ้ายพูดขึ้นมาอย่างคนหวาดกลัวขาดสติ

“ฉันก็ไม่รู้ แต่ฉันว่ามันคงเกี่ยวกับไอ้การละเล่นซ่อนหาบ้าๆ ของแกนั่นแหละ” ดินพูดมองหน้าฝ่ายอย่างโมโห

ตุบ!

“ใคร!!” ทันทีที่ได้ยินเสียงดังขึ้นที่หน้าห้อง เต๋าก็ตะโกนถามเสียงดังสนั่น

สิ้นคำถามของเต๋าก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้อง “อะ อ่อ ครูเอง”

“ครูเหรอ ทำไมไม่เห็นคุ้นหน้าเลย” เต๋าที่ดูเหมือนเป็นคนที่มีสติมากที่สุดเป็นคนถามขึ้น

“เป็นครูใหม่ สอน ม.ต้น แต่เรื่องของครูเอาไว้ก่อนเถอะ ครูได้ยินว่าพวกเธอเล่นการละเล่นซ่อนหากันเหรอ แล้วทำไมถึงเล่น พวกเธอไม่รู้รึไงว่า ถ้าเริ่มการละเล่นแล้วจะเกิดอะไรขึ้น” ทุกคนที่ได้ยินสิ่งที่ผู้เข้ามาใหม่ถามขึ้นได้แต่มองหน้ากันไปมา

“อะไร ถ้าเริ่มแล้วมันจะเกินอะไรขึ้นคะ” พลอยโพล่งถามขึ้นมาด้วยความร้อนใจ

“นี่พวกเธอเริ่มการละเล่นโดยที่ไม่รู้อะไรเลยหรือ” เสียงที่ออกมาจากครูคนนี้เต็มไปด้วยความอ่อนใจ และรู้สึกกังวล

“รู้?? พวกเราต้องรู้เรื่องอะไร” เต๋าถามด้วยเสียงสั่น ๆอย่างที่ทุกคนไม่เคยได้ยินมาก่อน

“การละเล่นซ่อนหาพวกเธอไม่สงสัยเหรอว่าทำไมต้องเล่นเจ็ดคนทั้งๆ ที่ปกติจะเล่นกี่คนก็ได้ แล้วทำไมถึงไม่ต้องมีคนหา” ทุกคนที่ได้ยินดังนั้นก็ได้รู้สึกเกร็งขึ้นมา เมื่อเห็นเด็กๆ เป็นดังนั้นครูปริศนาก็ได้กล่าวต่อ

“ครูเคยเป็นศิษย์เก่าที่โรงเรียนนี้ ครูมีเพื่อนกลุ่มหนึ่งเขาก็ได้เล่นการละเล่นซ่อนหาแบบพวกเธอนั่นแหละ”

“แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาคะ” ส้มเอ่ยถามขึ้นด้วยความร้อนรน

“ทุกคนหายตัวไปอย่างปริศนา หลังจากนั้นครอบครัวของพวกเขา ก็ย้ายออกไปจากที่นี่เพราะทำใจไม่ได้” ทุกคนที่ได้ยินดังนั้นทุกคนก็เบิกตาขึ้นอย่างหวาดกลัว

“พวกเราต้องหายไปอย่างนั้นเหรอ ไม่นะ ไม่เอา พลอยเราจะทำยังไงกันดี ฉันกลัว พลอยฉันกลัว ฮืออออ” ส้มพูดอย่างบ้าคลั่ง

“ไม่เป็นไรส้ม ไม่เป็นไรมันต้องมีวิธีแก้” พลอยพูดปลอบส้ม

“ครูก็ไม่รู้หรอกนะว่ามีวิธีแก้รึเปล่า แต่มันมีเรื่องที่บอกต่อๆ กันมาว่าการละเล่นนี้คือการละเล่นระหว่างคนเจ็ดคนกับบางสิ่งบางอย่างที่เราไม่รู้ว่ามันคืออะไร การละเล่นนี้จะใช้เวลาทั้งหมด 7 วัน บางสิ่งบางอย่างมันจะไปจับตัวผู้เล่นวันละคน ครูคงบอกได้แค่นี้ ที่เหลือคงเป็นพวกเธอต้องคิดกันเอาเอง” ว่าแล้วครูคนนั้นก็เดินออกจากห้องไป

“ไม่ ๆ ๆ ๆ ๆ ฉันไม่อยากหายไป ไม่เอา ฉันไม่อยากหายไป” ฝ้ายพูดขึ้นเอามือจิกผมกรีดร้องอย่างคนบ้าขาดสติ

“มันเพราะแกนั้นแหละฝ้าย เพราะแกคนเดียวเลย” ดินตะโกนว่าฝ้ายอย่างโกรธแค้น

ปัง!

เต๋าทุบโต๊ะเสียงสนั่นเพื่อเป็นการเรียกสติทุกคน แล้วมันก็ได้ผล “หยุด! โวยวาย! เราต้องช่วยกันหาวิธี”

“ยังไงละ พวกเราต้องหายไปแกก็ได้ยิน แล้วคนต่อไปก็ต้องเป็นแกฝ้าย” ดินพูดขึ้น

“เดี๋ยวก่อนนะ จะซ่อนหรือว่าจะหา รีบซ่อน รีบหา เจ็ดคนเจ็ดวัน” พลอยพูดพรึมพรำกับตัวเอง “ฉันว่าฉันเริ่มรู้อะไรบางอย่างแล้ว”

“อะไรเหรอพลอย เธอรู้อะไร” ส้มจับมือพลอยแล้วถามขึ้นอย่างมีความหวัง

“จะซ่อนหรือว่าจะหา ถ้าเราซ่อนมันจะเป็นฝ่ายหาเรา แต่ถ้าเราเป็นคนหามันก็จะซ่อน ถ้าคนซ่อนสามารถหนีได้ครบเจ็ดวัน หรือคนหา หามันเจอก่อนเจ็ดวัน การละเล่นก็จะสิ้นสุดลง”

“เราต้องแบ่งกลุ่มกันเพื่อลดความเสี่ยง เราจะแบ่งเป็นคนซ่อนสามคน คนหาสองคน” เต๋าพูดเสนอขึ้น

“ฉันเห็นด้วย” พลอยพูดสนับสนุนความคิดเต๋า

“แล้วเราจะแบ่งยังไง คงไม่มีใครยอมเป็นคนซ่อนง่ายๆ ดูยังไงคนซ่อนก็ไม่มีทางชนะ” ส้มถามด้วยความสงสัย

“เราจะจับฉลากกัน” พลอยเอ่ยขึ้น

ว่าแล้วทุกคนก็จับฉลากกันโดยได้ผลออกมาว่า ฝ้าย ดินและส้มเป็นฝ่ายซ่อน ส่วนเต๋ากับพลอยเป็นฝ่ายหา ฝ้ายที่ทำท่าจะไม่ยอม ก็โดนดินตวาดด้วยความโมโหแล้วต่อว่าฝ้ายว่าทุกอย่างมันเป็นเพราะเธอ เมื่อสิ้นสุดการทะเลาะของฝ้ายและดิน ทุกคนก็ตัดสินใจแยกย้ายกันไป
.
.
.

ในคืนนี้พลอยได้แต่นอนเอามือก่ายหน้าผากด้วยความเครียด เพราะเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เธอหานั้นมันเป็นตัวอะไร หน้าตามันเป็นยังไง ด้วยความเหนื่อยเพลียจากเรื่องที่รับรู้ในวันนี้จึงทำให้เธอเผลอหลับไป
.
.
.

ในเช้าวันต่อมาพลอยก็เดินมาโรงเรียนด้วยความวุ่นวายใจ แต่เมื่อเธอมาโรงเรียนเธอก็ไม่พบฝ้าย นั้นเป็นการบอกว่าวันที่สาม ฝ้ายคือคนที่หายไป
.
.
.

วันที่ห้ามีบางอย่างแปลกตา ตอนนี้ใบหน้าของส้มนั้นเศร้าหมองและสิ้นหวัง ส่วนพลอยกับเต๋าทำหน้าเหมือนคิดบางอย่างอยู่ตลอดเวลา

ดินคือคนที่หายตัวไปในวันที่สี่ เมื่อวันเวลายังดำเนินต่อไปทุกอย่างก็ดูมืดหม่นลง
.
.
.

หลังเลิกเรียนพลอยก็เดินไปส่งส้มที่บ้าน ส้มเกิดกลัวขึ้นมาเพราะตอนนี้คนที่ซ่อนเหลือแค่ส้มคนเดียว แล้วถ้าคิดไม่ผิดคนที่ต้องถูกเอาตัวไปในคืนนี้คือส้ม

ตกดึกมาหลังกินมื้อเย็นเสร็จ พลอยก็โทรหาส้มทันที ทั้งสองก็ต่างพากันพูดคุยเรื่องนู้นทีเรื่องนี้ทีพลอยเลี่ยงที่ทำให้ส้มเป็นกังวล แต่ระหว่างที่คุยกันอยู่นั้นส้มก็พูดอะไรบางอย่างแปลกไป

“ใครนะ อย่าเข้ามานะ! ออกไป! ไม่!! กรี๊ดดดดดด!!”

“ส้ม! ส้ม!! ส้ม!!!” พลอยตะโกนเรียกชื่อส้มอย่างบ้าคลั่ง

“ฉันจะชนะแล้วนะ หึ ๆ ๆ ๆ ๆ” แทนที่พลอยจะได้ยินเสียงส้ม แต่มันกับเป็นเสียงอะไรบางอย่างที่ฟังแล้วชวนขนลุกแล้วสายก็ตัดไป
.
.
.

พลอยตัดสินใจวิ่งออกจากบ้านตรงไปที่บ้านส้ม โดยไม่สนใจเสียงของแม่เธอที่ตะโกนไล่หลังมา ตอนนี้ใจของพลอยเต้นไม่เป็นจังหวะเธอได้แต่ภาวนาว่าทันทีที่เธอไปถึงบ้านส้ม ขอให้เธอได้เจอส้ม แต่ดูเหมือนคำขอของเธอจะไม่เป็นผล ส้มหายไป หายไปโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
.
.
.

พลอยเดินกลับบ้านด้วยความเหม่อลอย เธอได้แต่ปลอบตัวเองว่ามันไม่ใช่ความจริง เมื่อถึงเตียงเธอก็ล้มตัวนอนแล้วสลบไปด้วยความเหนื่อยล้า
.
.
.

วันที่หกพลอยก็ยังคงเดินทางไปโรงเรียนตามปกติ ได้แต่หวังว่าทุกเรื่องที่ผ่านมาจะเป็นแค่ฝันร้ายเท่านั้น แต่ความหวังก็ดับลง คนที่เธอเจอมีแค่เต๋าคนเดียว ตอนนี้เหลือแค่พลอยกับเต๋าแล้ว
.
.
.

ตกเย็น หลังเลิกเรียน…

“พอแล้ว ไม่เอาแล้ว” พลอยพูดขึ้นลอยๆ อย่างสิ้นหวัง

เมื่อเต๋าได้ยินพลอยพูดอย่างนั้น เขาก็ตรงเข้าไปเขย่าตัวพลอยเป็นการเรียกสติ

“พลอยตั้งสติไว้ เรายังมีความหวังที่จะเอาทุกคนกลับมาอยู่นะ”

“ความหวังเหรอ ความหวังอะไรละ รู้ไหม เมื่อคืนฉันยังคุยกับส้มอยู่เลยแต่แล้วก็… ฮึก! มัน มัน ฮืออออ อีกอย่างเราก็ไม่รู้ว่าถ้าเราชนะไอ้การละเล่นซ่อนหาบ้าๆ เนี้ย แล้วทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม”

“แต่ก็ไม่ได้แปลว่าสิ่งที่เราคิดมันผิดหนิ ฟังฉันนะฉันจะเป็นคนซ่อน เธอต้องเป็นคนหา เธอเข้าใจใช่ไหมว่าหลังจากนี้มันจะเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอต้องรับมันให้ได้ แล้วสู้เพื่อไปต่อซะ” เมื่อพลอยได้ยินสิ่งที่เต๋าพูดเธอก็ได้ส่ายหัวทั้งน้ำตา เต๋าที่เห็นพลอยร้องไห้ก็ได้ยกมือขึ้นลูบหัวเธอแล้วส่งยิ้มอ่อน ๆให้พลอยแล้วเดินออกจากห้องไป
.
.
.

วันนี้เป็นวันเสาร์แล้วก็เป็นวันที่เจ็ด เป็นวันสุดท้ายของการละเล่น พลอยตื่นแต่เช้าตรู่เธอพยายามที่จะติดต่อเต๋าแต่ไม่ว่าเธอจะพยายามเท่าไรก็ไม่เป็นผล นั้นทำให้พลอยรู้ว่าตอนนี้เหลือแค่เธอคนเดียวแล้ว

ตอนเย็นพลอยตัดสินใจออกจากบ้านไปอย่างเงียบๆ เธอเดินตรงไปที่โรงเรียนอย่างมุ่งมั่น ใบหน้าของพลอยเรียบนิ่งแต่สายตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น เธอเดินมาถึงรั้วข้างโรงเรียนในช่วงพลบค่ำ ที่ตรงนี้เป็นที่เดียวกับที่ที่เธอและเพื่อนของเธอปีนเข้าโรงเรียนไปเพื่อเริ่มการละเล่น

พลอยปีนรั้วเข้าไปในโรงเรียนเธอเดินตรงไปที่ใต้ตึกสอง ทันทีที่เธอมาอยู่ที่ใต้ตึกสองพลอยกับรับรู้ได้ว่าบรรยากาศตอนนี้มันเย็นยะเยือกมากกว่าในวันที่มาครั้งก่อนเสียอีก

“แกอยู่ที่ไหน!! มาสิ!! มาเล่นกัน!! แกซ่อนฉันจะหา!! แกหาฉันซ่อน!!” พลอยตะโกนลั่นด้วยความโกรธเกรี้ยว

สิ้นประโยคที่พลอยลั่นออกไปทุกอย่างก็เงียบสงัด แต่เพียงแค่ชั่วครู่เท่านั้นฉับพลันก็เกิดเสียงหัวเราะเหมือนที่เธอได้ยินวันนั้น เพียงแต่ครั้งนี้มันไม่ได้อยู่หัวของเธอแต่มันกลับดังก้องไปทั่วชวนให้บรรยากาศน่าขนลุกขึ้นมาฉับพลัน

“หึ ๆ ๆ ๆ ๆ มาแล้ว ๆ หาสิ ๆ หึ ๆ ๆ ๆ ฮ่า ๆ ๆ ๆ”

เสียงเย็นแหบหัวเราะแล้วพูดอย่างบ้าคลั่ง แล้วเสียงนั้นก็ถอยห่างออกไปเรื่อย ๆ พลอยตัดสินใจวิ่งตามเสียงนั้นไปเธอวิ่งตามเสียงนั้นจนมาถึงตึกเรียนเก่าท้ายโรงเรียน พลอยยืนนิ่งมองหน้าตึกอยู่ชั่วครู่ แล้วเธอก็เดินเข้าไปภายในตึกเรียนเก่าที่ปล่อยร้างนั้น

ทันทีที่พลอยเดินเข้ามาในตึกเสียงหัวเราะนั้นก็ดังสนั่นขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ดูจะหนักยิ่งกว่าเดิม

“มาแล้ว ๆ ซ่อนสิ ๆ หนีสิ ๆ หึ ๆ ๆ ๆ ๆ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ”

เสียงนั้นก้องไปทั่ว พลอยได้แต่หันซ้ายหันขวาไปมาเพื่อที่จะหาที่มาของเสียง ตอนนี้ความโกรธเกรี้ยวที่มีได้หายไปหมดแล้วแต่ความหวาดกลัวกลับตีตื้นเข้ามาแทนที่

พลอยวิ่งไปทั่วทั้งตึก เธอวิ่งไปมาอย่างคนสติแตก แล้วทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมาจับที่ไหล่ของเธอแล้วมีเสียงดังขึ้นมาที่ข้างหู

“เจอแล้ว จับได้แล้ว ฉันชนะ!! หึ ๆ ๆ ๆ ๆ”

“กรี๊ดดดดดดดด!!!”

แล้วนับจากวันนั้นก็ไม่เคยมีใครได้พบเจอเด็กทั้งเจ็ดคนนี้อีกเลย…

.
.
.

“หึ ๆ ๆ ๆ ๆ มาเล่นด้วยกันสิ เธอหาฉันซ่อน เธอซ่อนฉันหา หึ ๆ ๆ ๆ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ”

 

 

 

Exit mobile version