วันนั้นเมื่อทุกคนเลิกงานกันไปหมดแล้วทุกอย่างก็เงียบลงแต่คืนนั้นเป็นข้างแรม ผมจุดธูปเทียนบูชาพระก่อนที่จะล้มตัวลงนอนโดยไม่ได้คิดอะไร แม้กระทั่งเรื่องภูตผีปีศาจก็ไม่ได้คิด แต่ไม่ทันจะได้หลับ ผมก็ได้ยินเสียงขลุกขลักบางครั้งก็ได้ยินเสียงเหล็กกระทบกัน มันเกิดเสียงดังขึ้นเป็นระยะ ๆ จนผมไม่อาจจะนอนฟังเสียงรบกวนนั้นอีกต่อไป
“ใครมาทำอะไรดึก ๆ อย่างนี้” ผมคิดในใจ
“เพล้ง! เพล้ง!”
เสียงอู่ทุบรถคันที่วีระศักดิ์ลากมาจอดไว้เมื่อเย็นวันวาน
“ทำไม่ไม่ลากไปทุบไปเคาะที่หน้าอู่”
ผมฉงนอยู่คนเดียวอยู่อย่างนั้น เพราะไม่เข้าใจรถคันที่ลากเข้ามาฝากไว้ที่บริเวณบ้านผม เข้าใจว่าเขาจะต้องลากกลับไปซ่อมที่หน้าอู่แต่หากเล่นมาเคาะกันในบริเวณหน้าบ้านผม นอกจากจะไม่เอาค่าเช่าแล้วก็ไม่น่าจะถือสิทธิ์มาเคาะมาซ่อมในบริเวณบ้านผม น่าจะมีความเกรงใจกันบ้าง
“วีระศักดิ์…วีระศักดิ์ ทำอะไรนั่นดึกดื่นป่านนี้” ผมตะโกนลั่น
“เพล้ง เพล้ง” เสียงเคาะเหล็กดังติดต่อกันหลายครั้งผมจึงตัดสินใจ
“ใคร…ใคร…ทำอะไรนั่น” ผมตะโกนย้ำ
“….” ไม่มีเสียงตอบแต่ร่างนั้นผลุบหายเข้าไปข้างในบริเวณที่นั่งคนขับท่ามกลางเงาสลัวของแสงจันทร์ที่เล็ดลอดผ่านแนวปกคลุมของต้นมะม่วง
ซากรถยนต์ที่พัง ๆ ยับยู่ยี่อยู่ใต้ร่มมะม่วง 3-4 คันนั้น บัดนี้กำลังถูกชายฉกรรจ์เคลื่อนย้ายไปยังบริเวณอู่ ผมหันหน้ากลับมามองดูรถคันสีขาวซึ่งจอดสนิทอยู่ใต้ร่มมะม่วงรอซ่อมอยู่ ผมใช้สายตาเพ่งมองดูเด็กอู่คนนั้นก็ยังง่วนอยู่บริเวณพวงมาลัยคนขับ
“ทำอะไรอยู่นั่น”
ผมถามย้ำไปหลายครั้งแล้ว ก็ไม่ได้ยินเด็กอู่คนนั้นขานรับระยะห่างจากจุดที่ผมยืนคือจากขอบหน้าต่างไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ถึงสิบวา ไม่น่าจะหูหนักหรือหูตึง ผมขี้เกียจจะถามอีกหรือไม่เขาก็คงร่ำคาญเต็มทนที่ไม่ยอมตอบผมตั้งแต่แรก เพราะน่าจะรู้ว่า คนอู่ถ้าไม่ซ่อมรถจะให้ไปทำอะไรโง่จริง
“ทำไม่ไม่ต่อไฟมาล่ะ” ผมแนะนำเมื่อนึกขึ้นได้ว่าการซ่อมรถน่าจะมีไฟ
“เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว”
เสียงนั้นดังแว่วมาอย่างชัดเจน จนทำให้ผมผงะเพราะนึกไม่ถึงว่า เขาจะได้ยินประโยคที่ผมพูดค่อนข้างเบากว่าทุกครั้ง
“เออ! ทีผมถามคุณหลายครั้ง คุณได้ยินไหม?”
“แล้วคุณคิดว่าผมได้ยินไหมล่ะ”
“ได้ยินชี ผมถามหลายครั้งคุณก็งุ่มง่ามอยู่ในรถ”
“นั่นไม่ใช่ผม” เสียงปฏิเสธเบาหวิว
“ใครล่ะ!” ภายในใจผมร้อนรน
“ก็เจ้าของรถ” เสียงนั้นช้าลงกว่าเดิม
“เจ้า…เจ้าของรถ…ก็เขาตายแล้ว” ผมพูดแทบไม่มีเสียง
“.ใช่…เขาตายแล้ววว…”
“แล้วคุณอยู่ไหน?…”
“ผมอยู่ต้นมะม่วงนี่ไง”
“ผะ…ผะ……ผี ช่วยด้วย…ช่วยด้วย”