“ผมก็ไม่ได้อยากขัดจังหวะการชมทะเลของคุณหรอกนะครับ แต่พวกแม่ค้าปลามากันนู้นแล้ว” พูดจบเราก็เดินไปเพื่อสำรวจอาหารทะเลสดๆทันที
มีอาหารทะเลมากมาย แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ถูกใจเชฟตะวันสักเท่าไหร่ หลังจากดูไปสักพัก เขาก็พูดกับฉันว่า
“ผมว่าไหนๆเราก็มาถึงกระบี่กันแล้ว เรามาลองลงเรือจับปลากันเองดีกว่าไหมครับ” เขาพูดพร้อมชี้นิ้วให้ฉันดูเรือประมงที่จอดอยู่
“อะไรนะคะ เราจะลงเรือจับปลากันเองหรอคะ” ฉันถามเขา
ฉันพูดจบไม่ทันไรเขาก็เดินไปที่เรือลำนั้น และถามกับชาวประมงว่า จะสามารถออกเรือไปจับปลาเองใกล้ๆได้ไหม โดยเจ้าของเรือประมงก็บอกกับเขาว่า ถ้าไปใกล้ๆ เขาก็มีบริการเช่าเรือไปจับปลาให้กับน้ำท่องเที่ยวได้อยู่แล้ว
“ตั้งแต่ผมเป็นเชฟมา ยังไม่เคยได้มีโอกาสไปจับวัตถุดิบเองถึงกลางทะเลขนาดนี้เลย คุนสีน้ำไปกับผมนะครับ” เขาพูดพร้อมทำหน้าอ้อนวอนฉัน
ถึงตอนนี้หลายคนคงจะคิดว่าทำไมฉันถึงไม่จ้องตาเขาเพื่อดูอนาคตต่อกันใช่ไหมหละค่ะ ต้องบอกก่อนเลยนะคะว่า ภาพอนาคตที่ฉันจะสามารถเห็นได้นั้น จะเป็นแค่ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดของแต่ละคนเท่านั้น แต่ละคนจึงมีแค่หนึ่งเหตุการณ์ที่ฉันสามารถเห็นได้
และเมื่อเชฟตะวันมาชวนฉันเสร็จ เขาก็เดินไปถามชาวประมงทันที แต่ชาวประมงก็บอกเขากลับมาว่า วันนี้หมดเวลาปล่อยเช่าเรือแล้ว ถ้าจะไปจริงๆก็ต้องรอพรุ่งนี้ วันนั้นเขาและฉันเลยต้องกลับไปก่อน แต่เราก็ไม่ได้กลับโรงแรมเลยทันทีหรอกนะคะ เพราะฉันกับเขาก็ได้เที่ยวที่สถานที่ท่องเที่ยวแถวนั้นกัน ช่วงเวลาที่เราอยู่เที่ยวด้วยกันมันทำให้ฉันมีความสุขมาก จากตอนแรกฉันคิดว่าฉันกับเขาจะมาแต่งงานกันได้ยังไง มันดูไม่มีทางเป็นไปได้ แต่ตอนนี้ฉันเริ่มเห็นความเป็นไปได้ลางๆแล้วหละค่ะ