กรรมลิขิต : ลูกกลอน

นิยายสั้นสยองขวัญ (Horror/ Chiller)

ทั้งหมดเดินทางกลับไปที่วัดที่เด็กๆไปเข้าค่าย ระหว่างเดินทางแม่ของมาริษาเล่าถึงความเป็นอยู่ของครอบครัว

”แม่กับษาอยู่กันลำพังแค่ 2 คน พ่อของษา ทำงานคนเดียวที่โรงฆ่าสัตว์ แล้วประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ นอนโรงพยาบาลอยู่เป็นเดือนแล้วต่อมาก็เสียชีวิตลงอย่างทรมาน พอจัดการงานศพพ่อของษาเสร็จ แม่ก็ใช้ชีวิตลำบาก ต้องมารับจ้างเย็บผ้าโหลส่งษาเรียน โดยลำพัง ไม่กี่เดือนต่อมาก็ต้องมาเสียลูกสาวที่เป็นทุกอย่างในชีวิตไปอีก”  เล่าไปมือปาดน้ำตาที่อั้นไว้ไม่อยู่

”ษามันไปเข้าค่ายที่วัดนี้ ไปได้แค่วันเดียว ทางโรงเรียนก็โทรมาตามให้ไปที่โรงพยาบาล หมอชันสูตรบอกว่าษามีร่องรอยของการโดนข่มขืนและปาดคอด้วยของมีคมจนเสียชีวิต แม่เสียใจแล้วก็สงสารลูกมาก คนทำเป็นภารโรงของโรงเรียนที่ษาไปเข้าค่าย ก็โดนจับติดคุกไปแล้ว ตอนนั้นแม่เดินทางไปมา เพื่อดำเนินตามกฎหมาย เดินเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อย จนหมดเนื้อหมดตัว และไม่ได้ทำพิธีอะไรทั้งนั้น แม่ไม่ดีเองลูกเอ้ย! แม่ขอโทษนะลูก…”  พร้อมหันมากอดเดือนร้องไห้

เมื่อหมูได้ยินแม่ของษาเล่าก็ลืมความกลัวที่มีจนหมดสิ้น แล้วหันไปกอดษาในร่างของเดือนด้วยความสงสารพร้อมตบหลังเดือนเบาๆ เพื่อปลอบใจ เดือนหันมามองษาด้วยสายตาที่อ่อนโยนลง

”หากมีชาติหน้า ษามาเป็นเพื่อนกับเดือนกับหมูนะ” หมูน้ำตาไหลระหว่างพูดปลอบใจแล้วหันกลับไปกอดเดือนเหมือนเดิม
.
.
.

เมื่อมาถึงวัด หลวงตาได้เข้าไปคุยกับเจ้าอาวาสวัดเพื่อขออนุญาติทำตามพิธี เจ้าอาวาสได้ส่งพระประจำวัดลงมาพร้อมหลวงตาอีก 3 องค์ เพื่ออำนวยความสะดวก ระหว่างหลวงตาทำพิธี ทุกคนเดินไปที่โรงเก็บของ แล้วเอาเสื่อที่เดือนอุ้มมาซึ่งเป็นที่สิงสถิตของษาวางลงกับพื้น

หลวงตาไม่รอช้าจุดธูปจุดเทียน วางเครื่องบูชาที่เตรียมมาและสวดมนต์พร้อมกับพระลูกวัดอีกสามองค์ที่เจ้าอาวาสส่งมาช่วย สวดไปได้สักพัก เดือนก็เดินอ้อมมายืนตรงหน้าหลวงตา ก่อนจะนั่งลงที่พื้นพร้อมกับก้มกราบหลวงตา แล้วเดือนก็ยืนขึ้นหันมองไปที่เสื่อและของบูชาด้วยใบหน้าที่น้ำตานอง

”โยมมาเรียกลูกสาวกลับบ้าน” แม่ของษาเดินมายืนข้างหลวงตาแล้วนั่งลงไหว้

”เดี๋ยวโยมพูดตามอาตมานะ” แล้วหลวงตาก็ยกมือพนม

”ขอเจ้าที่เจ้าทางเปิดทางด้วยความเมตตาเปิดทางให้วิญญาณที่หลงทางอยู่ ณ ที่แห่งนี้ไห้ไปสู่สุขคติ …เอ้าโยม มาเรียกลูกสาวกลับบ้าน” หลวงตาพูดพร้อมส่งธูป 1 ดอกให้

”ษากลับบ้านกับแม่นะลูก” แม่ของษาพูดพร้อมปักธูปลงพื้นดิน เดือนที่ยืนๆ อยู่ก็ล้มลงหมดสติไป ก่อนเดือนจะถึงพื้นป้ายูรและหมูรีบเข้าไปคว้าตัวเดือนไว้ เพื่อไม่ให้ร่างของเดือนกระแทกกับพื้น

เมื่อเสร็จพิธีหลวงตาได้กล่าวขอบคุณทางวัดแล้วขอตัวกลับ เเม่ของมาริษาขึ้นหลังรถนั่งมากับหมูเพื่อถือรูปลูกสาวตนเองและกระถางธูป หมูก็ทำหน้าที่โปรยกระดาษตลอดทางเพื่อกลับบ้าน

”ถึงบ้านเอาเสื้อผ้าเดือน ของใช้ส่วนตัว แล้วก็จับโกนหัวเอาผมมา เดี๋ยวเช่าเรือเอาไปลอยแม่น้ำ” หลวงตาพูดขณะ ที่รถกำลังพาแม่ษาและษากลับบ้าน ป้ายูรพยักหน้ารับคำหลวงตา เมื่อถึงบ้านษาทุกคนต่างร่ำลากันด้วยความเห็นอกเห็นใจ แม่ษายกมือไหว้ป้ายูรท่วมหัวเป็นการขอบคุณและขอโทษแทนษา

.
.
.

หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านพ้นไป เดือนก็ไม่ได้ไปโรงเรียนอีกเลย เพราะมีอาการเหม่อลอย พูดไม่รู้ความ หมูเพื่อนสนิทที่สุดของเดือน ก็ได้แต่แวะไปมาหาสู่ ช่วยป้ายูรดูแลเดือนและเล่นเป็นเพื่อนเดือนอยู่บ่อยๆ

ทุกเช้านางยูร จะพาเดือนออกมาตักบาตรทำบุญเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับษา

นานวันเดือนเริ่มมีอาการดีขึ้น นางยูรจึงพาลูกสาวเพียงคนเดียวของตนไปสมัครเรียนต่อในเมือง เดือนได้กลับมาใช้ชีวิตปกติอีกครั้ง โดยมีหมูเป็นเพื่อนเล่นอย่างที่เป็นมาตลอด

หมูได้แต่คิดในใจว่า อาจเป็นเพราะพ่อของษาทำงานโรงฆ่าสัตว์ทุกวัน จึงเป็นผลกรรมที่ตกทอดมาถึงครอบครัวของษาก็เป็นได้ ส่วนเดือนก็คงมีกรรมต่อกันกับษาในชาติก่อน ชาตินี้เลยต้องมาชดใช้โดยถูกใช้ร่างเป็นสื่อ เพื่อสื่อสารความต้องการไปยังแม่ของษา