การท่องเที่ยวไทยกำลังจะได้รับการกระตุ้นอีกครั้งด้วยโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ที่รัฐบาลเตรียมเปิดตัวในเดือนมิถุนายน 2568 หลังจากมีการปรับแผนจากกำหนดการเดิมที่วางไว้ในเดือนพฤษภาคม โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เปิดเผยถึงความคืบหน้าของโครงการดังกล่าว
รัฐบาลเตรียมอัดฉีดงบประมาณ 3.5 พันล้านบาท
นายสรวงศ์ได้เปิดเผยว่า ทางกระทรวงฯ ได้นำเสนอกรอบโครงการเบื้องต้นต่อนายกรัฐมนตรี และได้รับความเห็นชอบเรียบร้อยแล้ว โดยวางงบประมาณไว้ที่ 3.5 พันล้านบาท ตามที่ได้หารือกับกระทรวงการคลังไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณารายละเอียดเพิ่มเติมในส่วนของกระบวนการจองสิทธิ์ รูปแบบการใช้สิทธิ์ที่เหมาะสม รวมไปถึงช่องทางในการเข้าถึงโครงการของประชาชน
“เรากำลังพิจารณาเรื่องของการจองสิทธิ์ การใช้สิทธิ์ที่เหมาะสม และช่องทางในการใช้สิทธิ์ว่าควรเป็นอย่างไร โดยล่าสุดแอพพลิเคชั่นทักทายก็เข้ามาหารือกับเรา เราก็กำลังพิจารณาว่าจะใช้เป็นอีกช่องทางหนึ่งหรือไม่ หรืออาจจะมีการเปิดระบบในรูปแบบอื่น” นายสรวงศ์กล่าว
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยืนยันว่า ทางกระทรวงฯ ต้องการสรุปรายละเอียดของระบบต่างๆ ให้มีความชัดเจนก่อนที่จะนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อให้โครงการสามารถเริ่มดำเนินการได้ตามแผนในเดือนมิถุนายน 2568
สิทธิประโยชน์และเงื่อนไขการเข้าร่วมโครงการ
ตามโครงสร้างของโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” รัฐบาลจะสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการท่องเที่ยว 50% โดยประชาชนจ่ายอีก 50% ตามชื่อของโครงการ โดยเบื้องต้นมีการกำหนดให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิ์ในการเข้าพักได้สูงสุด 10 สิทธิ์ต่อคน หรือ 10 คืน
ทางกระทรวงฯ ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาเรื่องการแบ่งสัดส่วนการสนับสนุนระหว่างการท่องเที่ยวในเมืองหลักและเมืองรอง โดยเบื้องต้นมีแนวคิดที่จะแบ่งเป็นการท่องเที่ยวในเมืองหลัก 5 คืน และเมืองรอง 5 คืน เพื่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่พื้นที่ต่างๆ อย่างทั่วถึง อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการหารือร่วมกันเพิ่มเติมเพื่อพิจารณาถึงความเหมาะสมของสัดส่วนดังกล่าว
นายสรวงศ์ยืนยันว่า แม้ขณะนี้ตัวเลขการท่องเที่ยวภายในประเทศจะยังไม่น่าเป็นห่วงมากนัก แต่ทางกระทรวงฯ ต้องการที่จะช่วยเหลือภาคเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว พร้อมทั้งสนับสนุนให้ประชาชนออกเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศมากขึ้น ซึ่งจะช่วยกระตุ้นบรรยากาศการท่องเที่ยวในภาพรวมได้อีกทางหนึ่ง
สถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยในปัจจุบัน
นายสรวงศ์ได้เปิดเผยถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยล่าสุดว่า ในช่วงตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 20 เมษายน 2568 ภาพรวมของนักท่องเที่ยวต่างชาติยังเป็นบวกอยู่ที่ 0.52% โดยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยแล้วทั้งสิ้น 11.2 ล้านคน ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศราว 5.4 แสนล้านบาท
“หลังเทศกาลสงกรานต์ เราพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมีการลดลง ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการเข้า-ออกประเทศจีน ที่ไม่เหมือนกับช่วงที่มีการเปิดประเทศหลังโควิด อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยก็ได้รับนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะไกลอย่างสหราชอาณาจักรและอินเดียที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง” นายสรวงศ์กล่าว
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ยังเน้นย้ำว่า กระทรวงฯ ยังคงให้ความสำคัญกับตลาดนักท่องเที่ยวจีน โดยได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวเรียกประชุมผู้ประกอบการเพื่อหาแนวทางในการกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มเติม
นอกจากนี้ นายสรวงศ์ยังให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลระหว่างจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้ทางเศรษฐกิจ โดยในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา พบว่ารายได้จากการท่องเที่ยวมีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการลดลงของนักท่องเที่ยวจีนหลังเทศกาลสงกรานต์ แต่มีนักท่องเที่ยวจากยุโรป สหราชอาณาจักร และอินเดียเข้ามาทดแทน
แผนกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงที่เหลือของปี 2568
นอกเหนือจากโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” แล้ว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬายังมีแผนกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องในช่วงโลว์ซีซันที่เหลือของปีนี้ ผ่านโครงการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น:
- โครงการอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์เซลล์ ที่จะจัดขึ้นในช่วงวันที่ 1 มิถุนายน – 15 สิงหาคม 2568 โดยจะมีห้างสรรพสินค้าและผู้ประกอบการท่องเที่ยวร่วมมอบส่วนลดและสิทธิพิเศษเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและกระตุ้นการใช้จ่าย ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางด้านการช้อปปิ้ง
- การจัดงานไทยแลนด์ ทราเวล มาร์ท (TTM) ในเดือนมิถุนายน 2568 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะมีผู้ซื้อจากต่างประเทศเข้ามาพบปะเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการไทย
- การส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านสปอร์ตทัวริซึม โดยในช่วงกลางปีนี้จะมีการจัดการแข่งขันวอลเลย์บอลเวิล์ด แชมเปี้ยนชิพ ในประเทศไทย
นายสรวงศ์ยังได้กล่าวถึงการรับมือกับกระแสวิจารณ์ด้านลบเกี่ยวกับการท่องเที่ยวไทยในโซเชียลมีเดีย โดยยืนยันว่าจะนำความคิดเห็นต่างๆ มาพิจารณาเพื่อปรับปรุงการให้บริการด้านการท่องเที่ยวให้ดียิ่งขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ
ทั้งนี้ คาดว่าโครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” จะสามารถช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงโลว์ซีซันที่มักจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวน้อยกว่าช่วงเทศกาลสำคัญ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี