กฎหมายใหม่ปราบภัยการเงิน: การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญเพื่อความปลอดภัยทางการเงิน

เรื่องที่น่าสนใจล่าสุด

ปัญหาภัยทุจริตทางการเงินในปัจจุบันยังคงเป็นความท้าทายสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนและระบบเศรษฐกิจ แม้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะพยายามหาแนวทางแก้ไขและป้องกันอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่มุ่งมั่นในการลดความเสี่ยงและปกป้องผู้บริโภคจากภัยทางการเงิน

ความคืบหน้าล่าสุด: พระราชกำหนดป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ฉบับที่ 2

เมื่อวันที่ 13 เมษายน 2568 มีการประกาศใช้พระราชกำหนดป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ฉบับที่ 2 ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการจัดการปัญหาภัยทางการเงิน กฎหมายฉบับนี้มีจุดเด่นคือการกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีส่วนรับผิดชอบหากละเลยการปฏิบัติตามมาตรฐานที่กำหนด

สาระสำคัญของกฎหมาย

นางรุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. ได้เปิดเผยถึงประเด็นสำคัญของพระราชกำหนดฯ ว่า จะครอบคลุมสถาบันการเงิน ผู้ประกอบธุรกิจบริการการชำระเงิน ผู้ให้บริการโทรคมนาคม สื่อสังคมออนไลน์ และธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล โดยต้องยกระดับการดูแลลูกค้าและมีส่วนรับผิดชอบหากเกิดความเสียหาย

มาตรการสำคัญในการป้องกันภัยทางการเงิน

กฎหมายได้กำหนดมาตรการที่สำคัญ 3 ประการ:

  1. การป้องกันการสวมรอยเปิดบัญชีและใช้งาน Mobile Banking
    • เข้มงวดกับกระบวนการรู้จักลูกค้า (KYC)
    • ห้ามแนบลิงก์ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายผ่าน SMS และอีเมล
    • จำกัดการใช้ Mobile Banking เพียง 1 ชื่อบัญชีและ 1 อุปกรณ์
    • ใช้เทคโนโลยียืนยันตัวตนสำหรับธุรกรรมที่มีความเสี่ยง
  2. การจำกัดความเสียหายและจัดการบัญชีม้า
    • แจ้งเตือนทุกครั้งเมื่อมีการโอนเงินออกจากบัญชี
    • ระงับธุรกรรมและส่งข้อมูลตามแนวทางที่กำหนด
    • จัดการกับบัญชีเสี่ยงตามระดับความรุนแรง
  3. กระบวนการรับแจ้งเหตุภัยทุจริตดิจิทัล
    • จัดให้มีช่องทางติดต่อเร่งด่วน (Hotline) ตลอด 24 ชั่วโมง

เปรียบเทียบมาตรการระหว่างประเทศ

เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ออสเตรเลีย และสหราชอาณาจักร พบว่ามาตรการของไทยมีความครอบคลุมและเข้มงวดมากที่สุด โดยแต่ละประเทศมีแนวทางที่แตกต่างกัน:

  • ไทย: มีการกำหนดความรับผิดชอบตามสัดส่วนระหว่างผู้เกี่ยวข้อง
  • สิงคโปร์: ใช้ระบบ Waterfall Model
  • มาเลเซีย: ธนาคารเป็นผู้รับผิดชอบหลัก
  • ออสเตรเลีย: กระจายความรับผิดชอบตามสัดส่วน
  • สหราชอาณาจักร: แบ่งความรับผิดชอบระหว่างธนาคารและลูกค้า 50-50

พัฒนาการของมาตรการป้องกันภัยทางการเงิน

ธปท. ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566 เป็นต้นมา:

  • มีนาคม 2566: ออกพระราชกำหนดป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี
  • พฤษภาคม 2566: กำหนดมาตรฐานความปลอดภัย Mobile Banking
  • มกราคม 2568: ยกระดับมาตรการจัดการบัญชีม้า
  • เมษายน 2568: ประกาศพระราชกำหนดฉบับที่ 2

ผลลัพธ์และแนวโน้ม

จากมาตรการดังกล่าว มูลค่าความเสียหายจากการหลอกให้โอนเงินลดลงจาก 5,443 ล้านบาทในไตรมาส 1/66 เหลือประมาณ 5,142 ล้านบาทในไตรมาส 1/68 โดยเป้าหมายระยะยาวคือลดจำนวนเคสให้เป็นศูนย์

คำแนะนำสำหรับประชาชน

ธปท. ขอให้ประชาชนระมัดระวังในการใช้บริการทางการเงิน เช่น:

  • ไม่กดลิงก์ที่ไม่รู้จัก
  • ระวังการรับสายแอบอ้าง
  • ตรวจสอบการทำธุรกรรมอย่างรอบคอบ

การแก้ไขปัญหาภัยทุจริตทางการเงินอย่างยั่งยืนต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งหน่วยงานภาครัฐ สถาบันการเงิน และประชาชน